webnovel

หากเธองอนฉันจะง้อ

วันจันทร์ตอนดึกๆ…

"ต๊าย ลิน แกพูดงั้นจริงอ่ะ บ้าบอเวิ่นเว้อเป็นที่สุด พูดไปงั้น เป็นใครใครก็งอนป่าววะ เป็นชั้นนะจะไม่แค่งอน แต่ชั้นจะเชิญแกออกไปจากชีวิตชั้นไปเลย"

วิสกี้เพื่อนรักของฉันเขาถึงกับอุทานทะลุออกมาจากแผ่นมาส์กหน้าของเกาหลีที่กำลังแปะหน้าหล่อๆนั่นอยู่ จ้า คุณวิสกี้เขาเป็นผู้หยิ่งในศักดิ์ศรีจ้า เขาไม่ชอบให้ใครมาหยามหัวใจ

"โธ่ คุณวิสกี้คะ ก็เมื่อกี้ชั้นไม่รู้จะทำไงจริงๆนี่คะ พอเริ่มเล่นใหญ่ไปแล้ว มันกู่ไม่กลับ แกก็รู้จักนิสัยชั้นดีนี่นา" ฉันตอบเพื่อนรักไปอย่างจ๋อยๆผ่านวิดีโอคอล

ก่อนหน้านี้หลังจากคุณเซนเธอเดินจากไปโดยไม่เอ่ยคำร่ำลา ฉันก็เดินอย่างเซื่องซึมเข้ามาในบ้านและเข้าร่วมโต๊ะอาหารค่ำซึ่งทุกคนกำลังนั่งคอยอยู่

'ใครมาน่ะยัยลิน ออกไปซะนานเชียว' แม่ฉันอดไม่ได้ที่จะสงสัย

'คนมาส่งพัสดุน่ะค่ะแม่ เค้ามาส่งผิดบ้าน' และฉันก็อดไม่ได้ที่จะโกหก

แม้ผักสลัดจากไร่ของก้องจะสดหวานกรอบแค่ไหนฉันก็ไม่มีกะจิตกะใจจะกิน แม้ก้องจะเอาอกเอาใจฉันเพียงไร แต่ฉันก็ยังรู้สึกแย่

'น้าลินเป็นอะไรคะดูไม่ค่อยเจริญอาหารเลย ลิสาทำน้ำสลัดไม่อร่อยหรือคะ หรือมีเรื่องอะไรไม่สบายใจ'

โถ ลูก อย่าเพิ่งช่างสังเกตและช่างเป็นห่วงน้าตอนนี้ได้ไหมจ๊ะ

บางครั้งฉันก็แอบคิดไม่ได้ว่าถ้าหลานสาวของฉันฉลาดน้อยกว่านี้นิดๆหน่อยๆก็น่าจะดี

'คือลินรู้สึกเหนื่อยๆเพลียๆนิดหน่อยน่ะค่ะ เพิ่งกลับจากบาหลีเมื่อคืน แล้ววันนี้ก็ออกไปทำงานเลย งานก็ยุ้งยุ่ง' ฉันตีสีหน้าอ่อนล้าและเหน็ดเหนื่อย ใจจริงอยากจะปลีกตัวออกไปนั่งเศร้านั่งคิดถึงคุณเซนเงียบๆคนเดียวแล้ว

และก็ดูเหมือนทุกคนจะพยายามเข้าใจฉัน เพราะหลังจากเสร็จสิ้นการรับประทานของหวานไม่นานนัก ก้องก็ลากลับ ฉันก็รีบกล่าวราตรีสวัสดิ์ท่านแม่กับหลานสาวเพื่อขึ้นห้องของตัวเองโดยทันที

ฉันนั่งวิตกเงียบๆด้วยตนเองอยู่หนึ่งอึดใจ ก่อนจะอดรนทนไม่ไหวโทรหาเพื่อนรักแล้วเล่าเรื่องตั้งแต่ที่บาหลีจนมาถึงช่วงเมื่อหัวค่ำให้วิสกี้ฟังอย่างหมดเปลือก

"คุณเซนเขาคงยกระดับความงอนเป็นความโกรธแล้วล่ะลิน เค้าคงชอบแกเอามากๆ ไม่งั้นเค้าไม่กระหน่ำโทรถึงแกขนาดนั้นหรอก แถมวันนี้ก็ยังตรงดิ่งกลับจากโรงงานมาหาแกอีก" เพื่อนฉันถอนหายใจ "เอาจริงชั้นก็สังเกตตั้งแต่ตอนงานเลี้ยงรุ่นแล้ว ว่าคุณเซนเขาต้องอินกับแกแน่ๆ สายตาที่หล่อนสองคนมองกันนี่ชั้นดูออก"

"กี้ ชั้นรู้สึกตงิดๆว่าความเปลี่ยนแปลงในชีวิตที่ป้าหมอว่า อาจเป็นเรื่องชั้นกับคุณเซนก็ได้นะ ไม่ได้เป็นชั้นกับก้องหรอก" ฉันเองก็ถอนหายใจเรื่องของตัวเองร่วมไปกับเพื่อน

แต่นี่ฉันปล่อยให้ป้าหมอเข้ามามีอิทธิพลทางความคิดขนาดนี้เชียวหรือ

"หรือชั้นควรตัดก้องออกจากสมการดีวะ มุ่งโฟกัสที่คุณเซนคนเดียวพอ"

"บ้า อย่าเชียวนะยะ ถ่านมันคุขึ้นมาแล้ว แกจะไปดับมันทำไมอีก แกเชื่อชั้นเถอะลิน วัยขนาดเรานี่ คว้าอะไรที่มันใกล้ตัวที่มันชัวร์ๆไว้ก่อนดีกว่า"

"มันเหมือนจับปลาสองมือป่าววะ ชั้นไม่อยากคบซ้อน" ฉันไม่ค่อยชอบทำอะไรลับๆล่อๆ มันเหนื่อย

"งั้นแกก็ตัดคุณเซนออกจากสมการแทน"

"…"

ตัดคุณเซนออกงั้นหรือ? แค่คิดก็ปวดใจแล้ว

"เอางี้ แกรู้หรือยังว่าแม่ของลูกชายคุณเซนเค้าคือใคร ตายไปยัง หรือยังอยู่แถวนี้ แล้วเค้าจะมีโอกาสกลับมาหากันไหม นั่นคือปัญหาแรก หรือถ้าจะตัดเรื่องนี้ออกไป แล้วแกลองหันกลับมามองคุณเซนเค้าดู หนุ่มอายุสามสิบต้นๆหน้าตาอย่างนี้ ฐานะอย่างนี้ แกจะเอาอะไรไปสู้สาวๆเค้าว้า ไม่ใช่ว่าเราไม่มีดี แต่การต้องคอยกีดกันหญิงอื่นที่มาคอยรุมตอมแฟนตัวเองอะ มันน่าเบื่อ"

เพื่อนฉันเขาพูดเหมือนเดิม เหมือนเมื่อครั้งโน้นที่เราคุยกันเรื่องนี้ที่งานเลี้ยงรุ่น กี้เขาอยู่ทีมก้องมาตลอด เขาไม่เคยเชียร์ฉันกับคุณเซนเลย

"แหม คุณเซนเขาอาจไม่ใช่คนเจ้าชู้ เขาอาจเป็นประเภทมีหญิงเข้ามาก็จริง แต่เขาไม่สนก็ได้นะ อีกอย่างชั้นก็เห็นเค้าทำแต่งาน" ฉันพยายามจะเข้าข้างคุณเซน ก็ในที่ทำงานฉันไม่เคยเห็นเขาทำเฟรนด์ลี่เจ้าชู้ใส่ใครเลยนะ หน้าตาคุณเขาจะเฉยๆตลอดเวลา

"คุณเซนเค้าอาจไม่สนตอนนี้เพราะเค้ากำลังก่อร่างสร้างตัว แต่ลองคิดดูในอนาคต ห้าปีผ่านไป แกไต่ขึ้นไปอยู่ระดับเลขสี่แล้ว ผมหงอกเริ่มถามหา สายตาเริ่มฝ้าฟาง ส่วนพ่อหนุ่มเค้ายังอยู่เลขสาม ความสุขุมนุ่มลึกยิ่งเพิ่มขึ้น ฐานะก็ยิ่งมั่นคง สาวๆก็จะยิ่งตอมหึ่ง แล้วพอเขาหันมามองป้าอย่างแก…"

คุณวิสกี้เขาจะตอกย้ำฉันไปถึงไหนวะคะเนี่ย

"แต่เดี๋ยวนะกี้ ก็ทีแกยังตกหลุมรักเด็กนักศึกษาฝึกงานคนนั้นเลย ชื่ออะไรป ปลาเนี่ยแหละ ชั้นจำไม่ค่อยได้ แกเองยังเคยยุให้ชั้นมีแฟนเด็กอยู่เลย" ฉันแย้งกลับบ้าง

"คนนั้นเค้าชื่อน้องข้าวปุ้นย่ะ ใช่ ชั้นเคยยุให้แกกินเด็ก แต่ตอนนั้นก้องมันยังไม่โผล่มาไง ก็ให้แกกินเด็กเล่นๆขำๆเพิ่มความกระชุ่มกระชวยในชีวิตไป แต่ตอนนี้ก้องเค้ารอแกอยู่แล้ว แกไม่ต้องมาขำแล้ว เอาจริงๆไปเลย แล้วอีกอย่าง กรณีชั้นก็ไม่เหมือนกับกรณีของแก เพราะชั้นไม่เคยคิดจะจริงจังหรือผูกมัดกับใครอยู่แล้ว แต่ลิน แกอะอยากมีลูก อยากมีครอบครัวไม่ใช่เหรอ แกก็ต้องเลือกคนที่จะเป็นไปได้มากกว่าไหม โค้งสุดท้ายแล้วนะยะ แกจะรอคุณเซนเค้าได้อีกนานเท่าไหร่"

โอย ฉันสับสนเหลือเกิน ผู้หญิงวัยใกล้สี่สิบคนอื่นๆเขามีปัญหาอย่างฉันกันบ้างไหมนะ

อ่อ คงไม่หรอก เพราะพวกเขาต่างก็พากันแต่งงานมีลูกกันไปหมดแล้ว

"เฮ้ย กี้ หรือชั้นควรจะกลับไปถามป้าหมอดีวะ ว่าจะเลือกทางไหนดี" ก็ไพ่ทาโรต์ของป้าหมอเขาแม่นถึงเพียงนี้ ทำนายเอาไว้ว่าฉันจะเจอการเปลี่ยนแปลงและทางเลือก ซึ่งฉันก็กำลังเจอเข้าแล้วจริงๆ

"อือม์ เป็นไอเดียที่ดี แต่ชั้นว่าก่อนอื่นแกต้องง้อคุณเซนเค้าก่อน"

"อ้าว ไหนแกว่าให้ชั้นตัดเค้าออกจากสมการไปเลย"

สรุปคุณวิสกี้เขาจะอยู่ทีมไหนกันแน่?

"แหม คิดสิคิด คิดนะคะคุณลลิน คุณเซนเป็นเจ้านายของคุณนะคะ แล้วเค้าโกรธคุณอยู่ แปลว่าอะไรคะ แปลว่ามันจะไม่เป็นผลดีกับอนาคตทางการงานของคุณแน่ๆค่ะ"

"อือม์ ก็จริง" ฉันรักวิสกี้ก็ตรงนี้ เพื่อนฉันเขานอกจากจะชอบวางแผนแล้ว เขายังรอบคอบเสมอ

"แกเคยบ่นๆว่าตอนเค้าเข้ามาใหม่ๆเค้าอยากจะโละแกทิ้งอยู่นี่ แล้วตอนนี้แกไปทำให้เค้าเซ็งจัดขนาดนี้ เค้าคงรีบโละทิ้งทั้งแผนกเลยล่ะ"

"โอว ไม่จริงนะ! โละทิ้งทั้งแผนกเลยเหรอ แกอย่าทำให้ชั้นกลัวสิกี้ ลำพังตัวชั้นน่ะ ไม่เท่าไหร่หรอก ถ้าไม่มีงานก็เกาะแม่กินไปพลางๆก่อนก็ได้ แต่น้องๆคนอื่นๆล่ะ สุกรีกำลังจะแต่งงาน แถมเป็นหนี้กู้เงินเรียนอีก คิดตี้มีหน้าที่ต้องเลี้ยงแม่ ส่วนเยลลี่เข้าใจว่าเพิ่งถอยรถใหม่" ฉันนึกไปถึงน้องๆในทีมแล้วอดใจหายไม่ได้

"ก็นี่ไง เค้าถึงได้เตือนกันนักหนาว่าอย่ามีรักในที่ทำงาน มันอึดอัดใจ มันต้องเจอหน้ากันทุกวัน"

"ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าคุณเซนเธอจะเป็นคนขี้งอนขนาดนี้ ท่าทางเค้าดูแมนๆแบดบอยจะตายไป"

"หรือว่าเค้าจะคลั่งรักแกจริงจังวะลิน!" เสียงวิสกี้เริ่มตระหนกปนตื่นเต้น

คลั่งรักฉัน? หนุ่มหล่อใสวัยคึกขนาดนี้อะนะจะมาคลั่งรักหญิงวัยป้า?

"คลั่งไคล้ชั้นก็ดีอะดิ แต่นี่กลัวว่าเค้าจะคลื่นไส้ชั้นมากกว่า แหม่ เค้าก็แค่เด็กงอแงเพราะถูกขัดใจป่าววะ"

"ไม่แน่นาเว้ย คุณเซนเค้าอาจไม่เคยเจอเสน่ห์สาววัยระทึกแบบแกมาก่อน" เพื่อนฉันเขาหัวเราะคิกคัก

"เออ ช่างเถอะ ยังไงชั้นก็คงต้องง้อเค้าก่อน ชั้นไม่อยากให้น้องๆตกงาน ว่าแต่กี้มีไอเดียง้อผู้ชายอะไรเก๋ๆมาแนะนำกันบ้างป่าว ชั้นไม่ได้ง้อผู้ชายมานานแล้ว" ฉันเริ่มเข้าโหมดขอคำแนะนำจริงจัง

"โนวไอเดีย ชั้นไม่เคยต้องง้อผู้ชายย่ะ มีแต่ผู้ชายมาง้อชั้น แล้วแต่ละคนก็ง้อได้น่าเบื่อมาก ไม่สมควรจดจำหรือนำมาแนะนำต่อ"

"เอ้อ ก็จริงของหล่อน ว้า! เซ็งเลย" ฉันเห็นด้วยกับเพื่อนรัก คนอย่างคุณวิสกี้เขาไม่เคยต้องง้อใคร

"แล้วถ้าผู้ชายคนไหนงอน ชั้นก็เขี่ยทิ้ง จบค่ะ" คุณกี้เขาโหดแบบนี้แหละ ฉันเคยเห็นมาซึ่งๆหน้าแล้ว ตอนนั้นฉันเผอิญไปร่วมวงกินข้าวด้วย ผู้ชายงอนปั๊บเรื่องอะไรก็ไม่รู้ คุณกี้เขาชวนฉันเดินออกจากร้านปุ๊บเลย

"แต่ชั้นเขี่ยคุณเซนทิ้งไม่ด้ายยยย เค้าเป็นเจ้านายชั้น"

"ก็นั่นไง ชั้นบอกแกแล้ว เอ แต่เดี๋ยว ที่เขี่ยทิ้งไม่ได้เนี่ย เพราะเป็นเจ้านาย หรือเพราะหล่อนรักเค้ากันแน่ยะ"

รักหรือ?

"ที่มีอะไรๆกันเนี่ย ไม่ใช่เพราะความหื่นของแกอย่างเดียวหรอก ชั้นรู้ แกไม่ใช่คนประเภทจะนอนกับใครง่ายๆ" เพื่อนรักฉันเขาแทงใจดำ วิสกี้เขารู้จักฉันดีกว่าเพื่อนคนไหนทั้งหมด

"รักป่าวไม่รู้ แต่ชอบอะแน่ๆ ทีแรกก็ว่าแค่ชอบแบบขำๆ แต่ไปๆมาๆเค้าเป็นผู้ชายน่ารักกว่าที่คิดอะ แล้วยิ่งเรื่องบนเตียงนะแก โอว แซ่บ"

แค่นึกถึงช่วงเวลานั้นยังหน้าร้อนผ่าวเลย นึกถึงบนเตียงนุ่มผ้าปูที่นอนขาวสะอาดในรีสอร์ทหรูที่บาหลี นึกถึงกล้ามอกขาวๆนั่น อา…

"ยัยลิน! อย่าเพิ่งจินตนาการถึงแต่เรื่องนั้น"

ทำไมวิสกี้ถึงรู้นะว่าฉันกำลังคิดถึงอะไรอยู่ แหม สมกับเป็นเพื่อนรักของฉันจริงๆนะคะ คริ คริ

"ถ้าแกรักคุณเซนจริงๆ แกแย่แน่ๆแล้วลิน ทางนี้ก็ก้องหนุ่มใหญ่ใจอบอุ่น ทางโน้นก็คุณเซนหนุ่มใสวัยร้อนแรง แกจะเลือกใครล่ะทีนี้ เลือกทางนี้ก็เล็งเห็นอนาคตอันสงบและมั่นคง เลือกทางนั้นก็ตื่นเต้นกระชุ่มกระชวยไปวันๆ รักก้องด้วยใจภักดิ์ รักเซนด้วยใจปอง" คุณวิสกี้เขาปิดด้วยประโยคซึ้งจากผู้ชนะสิบทิศ

"โอย อย่าเพิ่งให้ชั้นต้องเลือกได้มั้ยกี้ เรื่องนั้นช่างมันก่อน เอาเรื่องทำยังไงให้คุณเซนหายโกรธหายงอนก่อน"

"ไม่รู้จ้า กี้ไม่เคยง้อใครจ้า ลินลองเสิร์ชหาดูในเนตสิ หรือพวกคลิปไลฟ์โค้ชไรพวกนั้น แบบสิบวิธีเอาชนะใจหนุ่ม หรือรู้ใจผู้ชายวัยสามสิบ ไรแบบนี้ โชคดีนะจ๊า กี้ต้องไปเอาแผ่นมาส์กหน้าออกละ ง่วงแล้วด้วย ไนท์ ไนท์จ้า จุ๊บ จุ๊บ"

แล้วคุณกี้เขาก็โบกมือปิดวิดีโอคอลไปหน้าตาเฉยๆซะงั้น

เฮ้อ เพื่อนสุดหล่อช่วยอะไรไม่ได้เลย ฉันเริ่มกลุ้มใจจริงจัง ถึงกับกุมขมับพยายามคิดหายุทธวิธีการง้อแบบต่างๆที่เคยมีประสบการณ์มาในชีวิต

จะอัดเทปรวบรวมเพลงโปรดของคุณเซนส่งไปให้ดีไหม เหมือนอย่างที่ฉันเคยง้อแฟนคนแรกสมัยมอสาม สมัยนั้นเรียกได้ว่าฮือฮามาก เพราะมีไม่กี่คนในห้องเรียนของเราที่มีเครื่องเล่นเทปแบบสองตลับคู่ ก๊อปปี้เพลงทั้งตลับส่งต่อกันไปเลยค่า แต่เดี๋ยวนะคะ มุกนั้นนั่นมันยี่สิบกว่าปีมาแล้วนะคะ แล้วตอนนี้จะหาเครื่องเล่นเทปได้จากไหนคะ หรือว่าจะก๊อปใส่ซีดี แต่เอ่อ โน้ตบุ๊คของฉันก็ไม่มีเครื่องเล่นแผ่นซีดีแล้ว

โอเค งั้นยุคสมัยนี้อาจต้องเปลี่ยนไปเป็นร้องเพลงลงคลิปยูทูป แล้วส่งลิงค์ไปให้คุณเซน แล้วในคลิปก็ต้องบอกเป็นชื่อย่อ ว่าเพลงนี้มอบให้ใคร เอ หรือจะเข้าไปขอเพลงในคลับเฮ้าส์ดี เห็นในนั้นมีหลายห้องเลยที่มีนักดนตรีมาร้องเพลงเล่นกีตาร์กันสดๆให้ฟัง แล้วเค้าให้ยกมือขึ้นไปขอเพลงได้

หรือจะซื้อดอกไม้ไปวางไว้บนโต๊ะทำงานดีวะ คุณเซนเขายังเคยเก็บดอกปีบมาให้ฉันเลย เหมือนว่าเขาแอบอ่อนโยนในเรื่องของดอกไม้เพราะแม่เขาชอบ แต่ฉันจะไปหาดอกปีบมาได้จากไหนในกรุงเทพเนี่ย ถ้าอยู่เชียงใหม่ก็ว่าไปอย่าง อือม์ หรือควรเป็นดอกกล้วยไม้ เพราะเป็นดอกไม้ประจำราศรีเกิดคุณเซน แต่มันจะอารมณ์เหมือนอยู่ในเครื่องการบินไทยป่าววะ งั้นเอาดอกกุหลาบไปเลยดีกว่า โนว มันจะเอิกเกริกแจ่มแจ้งเกินไป เอ๊ะ หรือเอาดอกมะลิดี แต่นั่นมันดอกไม้วันแม่ป่าว

โอ๊ย! ปวดหัว ยังไงดี ยังไงดี อือม์ สงสัยต้องลองถามอากู๋อย่างที่วิสกี้บอก

งั้นพิมพ์เข้าไปเลยจ้า วิธีง้อแฟนทำไงน้า

อุ๊ย แฟนเหรอ?

นี่ฉันบังอาจไปตู่ว่าคุณเซนเค้าเป็นแฟนงั้นเหรอ …แต่ก็ได้อยู่นะ ยังไงเค้าก็เคยเป็นแฟนปลอมๆของฉัน …แล้วถ้าจะเป็นแฟนจริงๆล่ะ? คริ คริ

…ฉันเขินตัวเองได้เพียงแป๊บ หน้าของก้องก็พลันลอยเข้ามา เอ้อ...

โอเค กลับมาที่กูเกิ้ลค่ะ

'10 วิธีง้อแฟน... พูดออกไปตรงๆว่าขอโทษ, กอด, ให้ของขวัญ, ชวนไปกินข้าว, สัญญาว่าจะปรับปรุงตัว...'

ว้า ไม่มีไอเดียอะไรพิเศษๆเลยแฮะ แต่ละเพจก็ก๊อปปี้กันไปมา นี่บางทีฉันก็สงสัยคนทำเพจพวกนี้นะ คือทำไมเขาไม่คิดใหม่เขียนใหม่เอง เล่นลอกกันง่ายๆอย่างนี้เลย แล้วใครเขาจะอ่านล่ะ

เฮ้อ อากู๋ก็พึ่งไม่ได้ นี่ฉันจะทำยังไงดี…

วันอังคารตอนเย็นๆ...

ฉันกระโดดลงจากมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่นั่งมาจากปากซอยจนถึงหน้าบ้านของคุณเซน พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะเกร็งมือประคองถุงขนมที่ถือมาเต็มสองมือไว้ไม่ให้เละ วันนี้ฉันออกจากที่ทำงานเร็วหน่อย (อีกแล้ว) แต่ไม่เกี่ยวกับการที่หัวหน้าไม่อยู่ออฟฟิศนะคะ แค่เมื่อวานฉันต้องรีบกลับบ้าน และวันนี้ฉันก็ต้องรีบไปซื้อขนมเพื่อเอามาฝากบ้านหนุ่มๆเค้าค่า

หลังจากที่เมื่อคืนคิดจนหัวแทบแตกว่าจะง้อคุณเซนอย่างไรดี ฉันก็เริ่มมีแผนการในใจ เผอิญวันนี้คุณเซนเขาไปโรงงานทั้งวันและคงจะกลับค่ำอีกเช่นเคย ฉันจึงได้โอกาสเริ่มแผนแรกโดยการเข้าหาทางครอบครัวของเขา เพราะมันจะแสดงถึงความมีน้ำใจอันเผื่อแผ่ของเรา ซึ่งอาจทำให้คุณเซนใจอ่อนลงได้ แม้คุณเขาจะไม่ค่อยแสดงออก แต่ฉันก็รู้ว่าลึกๆแล้วผู้ชายคนนี้แคร์คนในครอบครัวมากเพียงไร

นั่นก็เลยเป็นสาเหตุให้ฉันมายืนอยู่ที่หน้าบ้านของคุณเซนในขณะนี้ พร้อมด้วยถุงขนมเต็มสองมือที่ซื้อจากร้านขนมในห้างเซนเตอร์วัน

โอเคค่า ลุย!

แต่เอ๊ะ… ใครมายืนด้อมๆมองอยู่ที่ประตูรั้วหน้าบ้านคุณเซน ท่าทางเปรี้ยวเฉี่ยวไฉไลซะด้วย ใครกันวะ

หรือจะมาขายประกัน? แต่สาวขายประกันส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่ลุคส์ผมยาวรองเท้าส้นสูงขนาดนี้นี่หว่า

หรือจะเป็นครูสอนพิเศษส่วนตัวของเจ้าเด็กหัวฟ้า?

แต่ก็ไม่น่าจะใช่ คุณเซนเคยเล่าว่าไม่นิยมให้เจ้าเรนเรียนพิเศษ เธอบอกเรียนได้แค่ไหนก็แค่นั้น เอาเวลาไปเตะบอลซะยังจะดีกว่า

เอ งั้นจะเป็นใครได้อีก

หรือว่า… คุณราเชนทร์จะมีแฟนใหม่!

บ้า… คิดอะไรอย่างนั้นคะคุณลลิน คุณราเชนทร์เธอดูต้องการความสงบในชีวิต ไม่น่าจะเข้าข่าย 'แก่ ใจดี สปอร์ต กทม' นะคะ สาวคนนี้ก็น่าจะวัยไม่ต่างจากฉันมากนัก คุณราเชนทร์ไม่น่าจะชอบผู้หญิงรุ่นลูก

งั้นหรือว่าเป็นกิ๊กคุณเซน!

ที่เค้างอนฉันนานขนาดนี้ก็เพราะเค้ามีสาวสวยคนอื่นเคียงข้างแล้วนี่เอง นี่คุณเซนคิดจะคบซ้อนรึ! เมื่อวานไปอ้อนฉันที่บ้าน แล้ววันนี้ก็นัดให้ผู้หญิงอื่นมาหาที่บ้านตัวเอง ร้ายจริง!

ไม่นะ! ไม่เอา! เป็นไปไม่ได้ ไม่ยอม…

ต้องรีบเข้าไปถามให้รู้เรื่อง!

"มาหาใครหรือคะ" ฉันรีบเดินตรงปรี่เข้าไปยิ้มหวานทักทายผู้หญิงคนนั้นที่กำลังทำท่าลับๆล่อๆชะเง้อมองลอดรั้วเข้าไปในบ้าน

"เอ้อ…" คุณคนสวยผมยาวเขาสะดุ้ง หันมามองฉันอย่างเก้ๆกังๆ ไม่ยอมตอบคำถาม

"แล้วคุณกดกริ่งหรือยังคะ" ฉันถามต่อ

โอเค ยังไม่ยอมบอกว่ามาหาใครก็ไม่เป็นไร แต่ยังไงฉันก็ต้องเข้าไปในบ้านพร้อมกับผู้หญิงคนนี้ให้ได้ อยากจะรู้จริงๆว่าเธอคือใคร มีธุระอะไรกับบ้านนี้

"เอ่อ ชั้นคงจำบ้านผิดน่ะค่ะ" เธออึกอักๆไม่สบตาฉัน

จำผิดบ้าน? จริงเหรอวะ? แล้วทำไมต้องทำท่ามีพิรุธ?

หรือว่า… คุณราเชนทร์จะไม่ยอมให้เค้าทั้งสองคนคบกัน คุณราเชนทร์กีดกันความรักของคนทั้งคู่เหมือนในนิยาย! พวกเขาจึงต้องหลบๆซ่อนๆ คุณเซนเธอเครียดเลยไประบายความใคร่กับฉันแทน ดึงให้ฉันมาเป็นตัวหลอก แล้ว…

"เอ่อ นี่คุณ… ซื้อขนมนี่… มาจากร้าน My Rain หรือคะ" เสียงตะกุกตะกักนั้นดึงให้ฉันกลับมาจากการมโนนิยายรักดราม่าซึ้งตรึงใจของคุณเซนกับสาวผมยาวคนตรงหน้า

ในขณะที่เธอกลับกำลังมองมาที่ถุงขนมที่ฉันกำลังถืออยู่ทั้งสองมือ ทำไมอยู่ดีๆถามเรื่องขนม นี่กะกลบเกลื่อนเรื่องความสัมพันธ์กับคุณเซนรึ แต่เอ.. นัยน์ตานั่นดูตระหนกชอบกลเวลาจ้องถุงขนมแฮะ

หรือว่าขนมร้านนี้เขาดังมาก ถ้าใครได้ครอบครองจะเป็นที่อิจฉาของชาวกรุงเทพ ตอนฉันไปซื้อก็เห็นคนแน่นร้านอยู่นะ มันคือขนมไทยๆยี่ห้อ 'แม่เล็ก' ที่คุณลลนาแม่ฉันเคยบอกว่าคุณราเชนทร์เขาชอบมาก เขาเคยได้ชิมขนมเจ้านี้ก็ตอนไปที่บ้านของฉันในตอนโน้นแล้ววันนั้นยัยลิสาก็ซื้อขนมนี่เข้ามาพอดี

"ค่ะ ขนมเจ้านี้อร่อยมาก คนบ้านนี้เค้าชอบกินเป็นพิเศษ เผอิญชั้นผ่านแถวนั้นเลยซื้อมาฝากพวกเค้าค่ะ"

ฉันพูดอย่างภาคภูมิใจ ทำน้ำเสียงเหมือนแอบจะอวดหน่อยๆว่าฉันสนิทสนมกับคนบ้านนี้นะจ๊ะ หึ หึ แต่อันที่จริงฉันไม่ได้เผอิญผ่านไปแถวนั้นหรอก ฉันตั้งใจไปซื้อมาต่างหาก

"แปลกดีนะคะ นี่ก็เพิ่งสังเกตว่าชื่อร้านขนมร้านนี้ชื่อเดียวกับหลานชายเจ้าของบ้านเลย เจ้าเรนคงภูมิใจน่าดู"

ฉันชูถุงขนมให้คนข้างหน้าดู พยายามทำน้ำเสียงตอนพูดถึงเจ้าเรนให้ดูสนิทสนมที่สุด ก็เห็นสีหน้านั้นดูแปลกๆเจื่อนๆชอบกล เอาแต่จ้องไปที่ถุงขนม เหมือนจะมีน้ำตาซึมๆด้วย อะไรของเค้า?

โอเค ช่างเถอะ ฉันไม่มีเวลาแล้ว ยังมีภารกิจอื่นที่ต้องไปทำในค่ำคืนให้เสร็จอีกหนึ่งอย่าง

"เอ ทำไมไม่มีใครมาเปิดประตูเสียที นี่คุณยังไม่ได้กดกริ่งหรือคะ" มือของฉันเอื้อมไปกดกริ่งโดยทันที แม้ปากฉันจะกำลังถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆ

"งั้นชั้นขอตัวนะคะ ชั้นมาผิดบ้านน่ะค่ะ"

คนสวยเธอลุกลี้ลุกลนรีบเดินหันหลังกลับไปขึ้นรถที่จอดอยู่ไม่ไกล ฉันมองตามด้วยความแปลกใจ ถ้าแค่จำบ้านผิดจริงๆแล้วทำไมต้องรีบร้อนจากไปขนาดนั้น

หรือจะเป็นพวกมิจฉาชีพในคราบสาวสวย! มาด้อมๆมองๆสอดแนมให้พรรคพวก!

โอย ไปกันใหญ่แล้วฉัน เลิกสนใจดีกว่า โน่น คุณมะพร้าวเดินออกมาโน่นแล้ว ฉันรีบส่งยิ้มหวานทะลุรั้วไม้นั่นไปให้คุณพ่อบ้านผู้คุ้นเคย…

วันอังคารตอนค่ำๆ…

ช่างเป็นวันที่เหน็ดเหนื่อยยาวนานเหลือเกิน ฉันกลับมาถึงที่ออฟฟิศตอนสองทุ่มกว่าๆ เพราะแวะกินบะหมี่ที่ข้างทางก่อนจะมาเริ่มต้นงานอันยาวนานในคืนนี้ แผนง้องอนสำหรับวันนี้ของฉันยังไม่เสร็จสิ้น ฉันรีบเดินตรงดิ่งไปที่ห้องออกแบบทันที

แต่ขณะที่กำลังจะเปิดประตูห้องออกแบบเข้าไปนั้น พลันประตูก็ถูกเปิดออกมาจากข้างในพอดี

"อ้าว น้องเอก!" ฉันอุทานด้วยความแปลกใจ นึกไม่ถึงว่าจะยังเจอน้องฝึกงานที่นี่ นี่มันสองทุ่มกว่าแล้ว น้องเอกเข้าไปทำไมในห้องออกแบบ?

"เอ้อ เจ๊ลิน เจ๊กลับมาออฟฟิศทำไมอีกเหรอฮะ" หน้าตาเจ้าเด็กน้อยดูเลิ่กลั่กชอบกล คงไม่นึกว่าจะเจอฉันกลับมาที่ทำงานในเวลานี้ล่ะสิ

"ชั้นควรจะถามเธอมากกว่า ว่าเข้าไปทำไมในห้องออกแบบ แล้วทำไมอยู่ออฟฟิศดึกดื่นๆ นี่งานเยอะขนาดนั้นเชียว กินข้าวเย็นหรือยัง แล้วที่บ้านไม่ว่าเอาเรอะกลับดึกทุกวัน" ฉันจ้องหน้าน้องพลางป้อนคำถามยาวเหยียด

หรือว่า… น้องเอกจะแอบมาขโมยของ! ต้องเป็นสีไม้ราคาแพงจากเยอรมันนั่นแน่ๆ!

แต่เอ๊ะ ก็ออกมามือเปล่านี่นา

"เอ้อ คือ… อ้อ ผมเข้าไปหาการ์ตูนของน้องเรนอะฮะ น้องเรนบอกว่าอาจจะลืมเอาไว้ในห้องนี้" เอ น้ำเสียงมีความตะกุกตะกักแฮะ

"เมื่อกลางวันพี่ก็ทำงานในห้องนี้ ก็ไม่เห็นมีหนังสือการ์ตูนของเจ้าเรนนะ" ฉันยังคงจ้องหน้าน้องเพื่อจับผิด

"นั่นสิฮะ ผมก็หาไม่เจอ งั้นผมไปนะฮะ" พูดเสร็จเจ้าตัวก็ถอยหลังหมุนตัวแล้วรีบเดินลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว

เฮ้ย วันนี้ทำไมฉันเจอแต่คนท่าทางมีพิรุธวะ?

โอเค ช่างมันเถอะ ฉันมีงานยากรออยู่ ต้องรีบเริ่มปฏิบัติการแล้ว…

อะฮ้า! เรียบร้อย! สามชั่วโมงแห่งความพิถีพิถันผ่านไป ในที่สุดฉันก็ได้การ์ดตัดแปะแผ่นใหญ่ รูปคุณเซนหัวตั้งใส่เสื้อสีชมพูกำลังยืนกอดอกยิ้มกว้างหันหน้ามาทางท่านผู้ชม และมีฉันใส่ชุดกระโปรงสีชมพูกำลังยืนจ๋อยสำนึกผิดร้องไห้โฮอยู่ข้างๆ …น่าร้ากกกกก

ปัญหาใหญ่หลวงถัดมาคือจะเขียนอะไรลงไปในการ์ดดีน้า ฉันลองคิดๆเขียนๆดูอยู่หลายประโยคก็ยังไม่ถูกใจ งั้นลอกมาจากในเนตเลยดีกว่า แต่ก็เลือกไม่ได้เสียที อาทิเช่น

'โลกของลินมันไม่มีความหมายแล้ว ถ้าไม่มีเซนอยู่ด้วย'

เฮ้ย จริงอะ ถ้าไม่มีคุณเซน ฉันก็คงไปเที่ยวผับกะวิสกี้เพื่อนรักเริงร่าท้าวัยได้เหมือนเดิมป่าววะ

'ลินอาจจะไม่ใช่เดทแรก จูบแรก หรือรักแรกของเซน แต่ลินอยากเป็นสิ่งสุดท้ายของเซน'

โอย ดูน่ากลัว อารมณ์ประมาณเป็นยายแก่ค้างเติ่งเกาะอยู่ในชีวิตของคุณเซนตลอดไป ไม่ผ่านค่ะ

'สำหรับเซน ลินคงเป็นเพียงแค่บทหนึ่งบทเท่านั้น แต่สำหรับลิน เซนคือหนังสือทั้งเล่ม'

นี่ก็ยิ่งไม่จริงเข้าไปใหญ่ ในหนังสือเล่มนี้นอกจากคุณเซนแล้ว เอ่อ ยังมีคุณก้องเขากำลังเบียดเข้ามาอีก

'ฉันไม่ต้องการสวรรค์ เพราะฉันพบคุณแล้ว'

เอ้อ ดูเอ็กซ์ๆไปนิดนะอันนี้

แต่ในที่สุดฉันก็หลับตาพริ้มนึกประดิษฐ์ประโยคง้องอนขึ้นมาด้วยตัวเองจนได้ แล้วก็บรรจงเขียนด้วยลายมือสุดสวยลงไปบนการ์ดแผ่นใหญ่นั้น

ไม่บอกหรอกว่าฉันเขียนว่าอะไร หึ หึ…

ตอนนี้ปลอดคน ต้องรีบเอาไปซ่อนไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานของคุณเซนให้เรียบร้อย รับรองพรุ่งนี้เช้าถ้าคุณเซนเข้ามาทำงาน แล้วเปิดลิ้นชักเจอการ์ดง้องอนแผ่นยักษ์นี้ คุณเซนต้องยิ้มแก้มปริ หายงอนเป็นปลิดทิ้งแน่ๆ คริ คริ…

เจ็ดโมงครึ่ง เช้าวันรุ่งขึ้น...

ฉันกระวีกระวาดรีบตื่นไปทำงานแต่เช้าตรู่ เพราะอยากมีโมเมนต์ที่คุณเซนจะหันมามองผู้หญิงสวยๆคนนี้ด้วยสายตาหวานฉ่ำหลังจากได้อ่านการ์ดง้องอนใบที่ฉันบรรจงประดิษฐ์อยู่หลายชั่วโมงเมื่อคืนนี้

โชคดีจริงที่วันนี้มาถึงที่ทำงานเป็นคนแรก ฉันหันซ้ายแลขวาแล้วรีบแอบเปิดลิ้นชักของคุณเซนสำรวจดูความเรียบร้อยอีกครั้ง พบการ์ดใบโตกำลังนอนสงบนิ่งเรียบร้อยน่ารักรอการเปิดซิงจากเจ้าของโต๊ะ คริ คริ

ตึกตักๆ ตึกตักๆ

ใจฉันเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะขณะเงยหน้ามองไปยังโต๊ะทำงานข้างหน้าเป็นระยะๆ รอคอยการมาทำงานของพ่อหนุ่มปากแดงอย่างใจจดใจจ่อ

ฉันแอบสืบจากน้องน้ำหวานมาแล้วว่าวันนี้คุณเซนเธอเข้าออฟฟิศแน่ๆ และป้าผ่องแม่บ้านของเราก็บอกว่า ประมาณการจากค่าเฉลี่ยแล้วคุณเซนจะเข้าประจำโต๊ะทำงานประมาณเจ็ดโมงครึ่ง เธอมาถึงที่ทำงานก่อนใครแล้วก็มักจะกลับเป็นคนสุดท้ายเกือบทุกครั้ง บางทีฉันก็แอบคิดว่า หรือที่เธอทำอย่างนี้เพราะจะแอบจับตาดูพวกเราหรือเปล่าว่าใครมาเช้ามาสาย ใครกลับก่อนกลับหลัง ที่ออฟฟิศทองหล่อของเรานี้ไม่มีระบบตอกบัตรเข้างาน ไม่มีโอที คือใช้ระบบไว้เนื้อเชื่อใจกันล้วนๆ ทำงานให้ครบแปดชั่วโมงและส่งงานตามกำหนดก็พอแล้ว คุณประธานบริษัทปากแดงเธอเคยกล่าวเอาไว้

แต่ทำไมวันนี้ยังไม่เห็นคนปากแดงคนนี้แม้แต่เงา ฉันอ้าปากหาวหวอดด้วยความง่วงงุน เมื่อคืนกว่าจะได้เข้านอนก็ดึกมาก แถมไม่เคยตื่นเช้าขนาดนี้มาก่อนเลย ปกติกว่าฉันจะมาถึงออฟฟิศก็โน่น เกือบเก้าโมงเช้า

คุณเซนเค้าไปไหนของเค้านะ ทำไมยังไม่มาทำงานอีก…