webnovel

ลลิสานะจ๊ะ

"พ่อแม่นายเค้าเป็นติ่งเกาหลีเหรอ ถึงได้ตั้งชื่อลูกตามพี่เรน"

เราถามเด็กหัวฟ้าขณะเดินออกจากประตูโรงเรียนมาด้วยด้วยกัน วันนี้เราไม่มีกิจกรรมพิเศษหลังเลิกเรียน ก็เลยคิดว่าจะกลับไปนอนดูซีรีส์เกาหลีที่บ้านดีกว่า นานแล้วที่ไม่ได้ดู ก็ปกติเราต้องไปซ้อมเต้นกับเพื่อนๆตลอด

แต่ที่โรงเรียนใหม่นี่… เฮ้อ…

"พี่เรนไหน" เด็กหัวฟ้าที่ชื่อ 'เรน' ถามถึงคนชื่อ 'เรน'

เป็นไปได้ยังไงที่นายเรนไม่รู้จักโอปป้าเรน เราแปลกใจมาก ถึงแม้โอปป้าเรนเค้าจะสูงวัยแล้ว แต่เค้าก็คือโอปป้าในตำนาน ทั้งด้านร้องเต้นเล่นละคร

"นี่นายไม่รู้จักโอปป้าเรนเหรอ เมื่อก่อนเค้าออกจะโด่งดังเป็นตัวท้อปของเกาหลีเลยนะ เอ่อ… ถึงแม้ตอนนี้เค้าจะไม่ค่อยได้เล่นซีรีส์แล้ว แต่โอปป้าเรนนี่เค้าเต้นได้พลิ้วสุดยอดเลยล่ะ"

"ไม่รู้จัก ไม่เคยดูซีรีส์เกาหลี"

คนตอบทำท่าไม่ใส่ใจ แล้วก็เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น จนเราต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อจะตามเค้าให้ทัน

"ว้า! เชยจัง"

แม้จะเตรียมใจมาไว้แล้ว แต่เราก็อดผิดหวังไม่ได้ ทำไมพวกเด็กผู้ชายเค้าถึงไม่ชอบดูซีรีส์เกาหลีกันนะ

เฮ้อ! ความจริงเราก็ไม่ได้อยากมาเป็นเพื่อนกับนายคนนี้เค้าหรอก

แต่พวกผู้หญิงที่โรงเรียนน่ะสิ ไม่มีใครยอมเป็นเพื่อนกับเราเลย พอเชอรี่เริ่มก่อน คนอื่นก็พากันตามเชอรี่กันหมด เชอรี่เค้าหาว่าเราไปทำให้แฟนเค้าเสียโฉม

แฟนอะไรที่ไหนกัน ตอนเที่ยงเราก็เห็นนายหัวฟ้านี่นั่งกินข้าวอยู่คนเดียว พอเชอรี่เดินเข้ามานั่งด้วย อยู่ดีๆตานี่ก็เดินหนีแล้วมานั่งแปะอยู่ตรงข้ามเรา เชอรี่เห็นก็โกรธเราใหญ่ แล้วพาเอาพวกผู้หญิงทั้งหมดให้โกรธเราไปด้วย

ทำไมเราซวยอย่างนี้นะ

แต่ไหนๆนายนี่ก็พาเราซวยแล้ว ช่วยไม่ได้ งั้นก็ต้องมาเป็นเพื่อนกับเราแทนพวกผู้หญิงละกัน

แล้วอีกอย่าง นายคนนี้ก็เป็นนักเรียนคนแรกในโรงเรียนนี้ที่เรารู้จัก แถมวันแรกของการเรียนเรากับเค้าก็ต้องนั่งทำแบบฝึกหัดเลขด้วยกันแค่สองคนตลอดทั้งวัน แม้วันนั้นเรากับเค้าจะไม่เปิดปากพูดกันเลย

"แล้วรู้จักแบล๊กพิงค์ไหม ลิซ่า แบล๊กพิงค์น่ะ"

ถ้าไม่รู้จักโอปป้าเรน ก็ต้องรู้จักพี่ลิซ่าบ้างแหละ เค้าดังออกปานนั้น

"ไม่รู้จัก ใคร?" เสียงห้วนๆนั้นตอบกลับมา แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะผ่อนฝีเท้าลง

"ว้า! เธอนี่ เชยจัง"

โอย ผิดหวังมาก ทำไมนายหัวฟ้านี่ถึงได้เชยจริงๆ งั้นช่างเถอะ ไม่ถามเรื่องวงการบันเทิงละ

"แล้วตกลงชื่อเรนมาจากไหนน่ะ แปลว่าฝนงี้เหรอ"

เรายังสงสัยเรื่องที่มาของชื่อของนายนี่ ชื่อเรนนี่เป็นทั้งชื่อจริงแล้วก็ชื่อเล่นของเค้าเลยนะ คนอะไรมีชื่อจริงพยางค์เดียว แต่ก็เท่ดี

"เปล่า มาจากเรนโวคุ เคียวจูโร่ เสาหลักเพลิงแห่งเงาพิฆาตอสูร"

เค้าพูดถึงอะไรของเค้า?

"ไง ไม่รู้จักอะเดะ มังงะเค้าออกจะดัง ดาบพิฆาตอสูร ไม่เคยอ่านอะดิ"

คราวนี้คนพูดหยุดเดินกะทันหัน ทำเอาเราที่กำลังก้มหน้าก้มตาเดินตามมาชนข้างหลังเค้าเข้าอย่างจัง

"โอ๊ย! จะหยุดเดินก็บอกกันล่วงหน้าหน่อยมั้ย"

เราอดที่จะโวยวายไม่ได้ ความจริงไม่ได้เจ็บอะไร แต่มันตกใจ บ้าจริง อีตานี่ นึกจะหยุดก็หยุดเฉยๆซะงั้น

"ว่าไง เธอเคยอ่านดาบพิฆาตอสูรหรือเปล่า" คนบ้าหันมาจ้องตาเรา

"ไม่เคย" เราอ้อมแอ้มตอบไป

"เห็นป่าว เธอก็ไม่รู้จักการ์ตูนญี่ปุ่นเหมือนกัน มาหาว่าเราไม่รู้จักดาราเกาหลี"

เอ่อ.. ก็จริงอย่างที่หัวฟ้าเค้าว่านะ

"แล้วพ่อแม่เธอเค้าตั้งชื่อลูกตามการ์ตูนญี่ปุ่นจริงๆเหรอ"

"ป่าว เราคิดเอาเอง"

"อ้าว แล้วจริงๆชื่อเธอมาจากไหนน่ะ เธอไม่เคยถามพ่อแม่เหรอ"

"นี่เธอจะมายุ่งอะไรกับเรื่องชื่อของเรา อ้อ แล้วนี่เธอเดินตามเรามาทำไม" เสียงนั้นขัดใจ

อะไรของเค้า ไม่ได้เดินตามซักกะหน่อย ก็เผอิญเดินๆออกจากโรงเรียนมาด้วยกัน แล้วเราก็กำลังจะเดินกลับบ้าน แต่เราชักอยากจะรู้แล้วว่านายนี่กำลังจะเดินไปไหนของเค้า

"นายกำลังจะไปไหนเหรอ จะกลับบ้านเหรอ"

"ลลิสา! ยุ่งจังเธอนี่! เลิกตามเราได้แล้ว!" คราวนี้นายหัวฟ้าหันมาทำหน้าจริงจังใส่เรา

"ไม่ได้ตามนะ เรากำลังจะกลับบ้าน บ้านเราอยู่แถวเพลินจิต"

"งั้นก็กลับบ้านไปซะ บาย"

แล้วนายหัวฟ้าก็วิ่งข้ามถนนไปโดยไม่สนใจเราเลย

"อ้าว เดี๋ยวสิ แล้วบ้านนายอยู่ที่ไหน" เราตะโกนตามไป นายนั่นก็ไม่มีทีท่าจะหยุด

เฮ้อ! เราอุตส่าห์ยอมจะเป็นเพื่อนด้วยแล้วนะ แล้วทำไมหยิ่งจัง ก็ถ้าไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับเรา แล้วทำไมต้องมานั่งกินข้าวใกล้ๆเราทุกพักเที่ยง แถมตอนอยู่ในห้องเรียนก็มองมาที่เราบ่อยๆด้วย

น่าเบื่อจัง พวกทำตัวขี้เก๊ก!

ถ้าไม่ติดว่าที่โรงเรียนใหม่นี้เรายังไม่มีเพื่อนเลย เราคงไม่ยุ่งกับนายคนนี้แน่ๆ สงสัยเราจะย้ายโรงเรียนบ่อยไป ต้องเปลี่ยนกลุ่มเพื่อนอยู่เรื่อย

แต่ก็ช่วยไม่ได้ เราเรียนโรงเรียนที่น่าเบื่อไม่ได้จริงๆ เรารับไม่ได้กับการที่ต้องตัดผมสั้นเสมอติ่งหู หน้าตาเราดูอัปลักษณ์มาก แล้วเราก็ไม่อยากจะแค่ผูกโบว์สีน้ำเงินกับสีขาวด้วย เราอยากผูกโบว์สีชมพู ทำไมพวกคุณครูไม่เข้าใจ พวกเขาไม่เคยเป็นเด็กกันมาก่อนหรือไง

แล้วที่สำคัญ แม้น้าลินกับคุณยายจะไม่ค่อยอยู่บ้าน แต่พวกเค้าก็ไม่เคยดุด่าเรา เราทะเลาะกับคุณครูที่โรงเรียนกี่รอบ พวกเค้าก็เข้าข้างเราตลอด

นึกไปถึงตอนวันที่เกิดเรื่องกับนายคนนี้…

วันนั้นเราอุตส่าห์ทำตัวเป็นเด็กดี ยอมรับการถูกลงโทษที่โรงเรียนแต่โดยดี แล้วก็รีบกลับมาบ้าน นั่งคิดรายการอาหารเย็นให้ป้ากะทิจัดเตรียมไว้ เพื่อจะได้นั่งโต๊ะกินข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา

แต่ปรากฏว่าวันนั้นคุณยายก็มีงานเลี้ยง และน้าลินก็ไปกินข้าวกับเพื่อน แล้วคุณยายก็กลับมาบ้านตอนห้าทุ่ม ส่วนน้าลินก็กลับตามหลังมาครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น พร้อมกับท่าทางกรึ่มเหมือนเช่นเคย

และก็เป็นอย่างที่เราคิดไว้

เราได้ยินเสียงสองคนเค้าลับฝีปากกันไปมาตอนที่น้าลินกลับมาถึงแล้วเจอคุณยายนั่งจิบชามะลิอยู่ที่โซฟา

"ทำไมเพิ่งจะกลับมาคะคุณลิน นี่ชั้นนึกว่าคุณจะรีบกลับมาดูแลหลานสาวนะคะ หลานโดนคนที่โรงเรียนรังแกซะขนาดนั้น" คุณยายเป็นฝ่ายเริ่มก่อน

"อ้าวคุณลลนาคะ คุณเองก็น่าจะอยู่บ้านรอต้อนรับเหมือนกันนะคะวันนี้ หลานอุตส่าห์ไม่เถลไถลแล้วรีบกลับบ้าน"

น้าลินคงเห็นว่าคุณยายยังอยู่ในชุดราตรีสั้นสีแดงเพลิงเว้าหลัง เค้าเลยเดาได้ว่าคุณยายคงเพิ่งจะกลับมาจากปาร์ตี้

"ก็วันนี้เผอิญคุณแพตตี้เค้าเชิญมากะทันหัน ไอ้เราไม่ได้อยากจะไป แต่ก็ขัดเค้าไม่ได้ เค้ามันลูกค้าประจำห้องเสื้อของเรา"

อันที่จริงเราก็เห็นว่าคุณยายไปทุกงานที่เค้าเชิญนะ

"หูย คุณแพตตี้เลี้ยงข้าวอีกแล้วหรือคะ ว้า! คุณแม่น่าจะชวนหนูไปด้วย" เอ่อ ไม่ใช่แค่คุณยายนะที่ชอบไปปาร์ตี้ น้าลินก็ด้วย

"มันกะทันหัน พอดีมีเพื่อนเชฟเค้าบินมาจากฝรั่งเศส และมีเวลาว่างวันนี้ เค้าเลยอยากชวนเพื่อนๆสนิทๆไปชิมฝีมือกัน เป็นไพรเวทปาร์ตี้ที่บ้านน่ะ"

"โอ้โห เก๋ๆที่บ้านนะคะ มิน่าคุณลลนาถึงต้องจัดเต็มชุดราตรีสั้นขนาดนี้"

บางครั้งเราก็ไม่ค่อยเข้าใจน้าลินนัก เราแยกไม่ออกว่าอันไหนน้าลินพูดจริง อันไหนพูดประชด

"แหม ระดับเจ้าของห้องเสื้อ 'Lalana' แล้ว เราก็ต้องโดดเด่นกว่าทุกคนเสมอ แล้วอีกอย่าง เราสวย เราก็ต้องพรีเซ้นต์ตัวเอง แกไปหาดูได้เลย ว่าวัยขนาดนี้จะมีใครสวยได้เกินหน้าชั้นอีก"

บางครั้งเราก็ไม่ค่อยเข้าใจคุณยายเหมือนกัน เราแยกไม่ออกว่าอันไหนคุณยายพูดเล่น อันไหนคุณยายคิดจริง

"คุณยายกับน้าลินคงจะไม่เข้านอนกันง่ายๆใช่ไหมคะ นี่ลิสาดูแลปิดบ้านเรียบร้อยแล้วนะคะ นี่น้ำขิงของคุณยายสำหรับก่อนนอนค่ะ ส่วนนี่ยาพาราสองเม็ดสำหรับน้าลิน"

ก่อนที่ทั้งสองคนจะเม้าท์กันอีกยาว เราเลยออกจากห้องนอนไปเตรียมกระบวนการส่งทั้งสองคนเข้านอนอย่างที่ทำทุกวันเป็นกิจวัตร

"ลิสา มาให้น้ากอดหน่อย โดนดึงหางม้าเจ็บไหมลูก ลิสาเก่งมากเลยนะลูกที่ปกป้องตัวเองได้"

น้าลินดึงเอาตัวเราเข้าไปกอด ลูบหัวลูบหน้าลูบตัวเราด้วยความรักใคร่ เรารู้ว่า ยังไงน้าลินก็จะเข้าข้างเราในทุกกรณี

ตั้งแต่จำความได้ น้าลินไม่เคยดุเราแม้แต่คำเดียว ถ้าเราเป็นเด็กไม่น่ารัก ทำอะไรขัดใจน้าลิน น้าลินก็จะงอน แล้วแอบนั่งน้ำตาซึม เงียบๆเหงาๆคนเดียว พอเราเข้าไปง้อนิดหน่อยๆ น้าลินก็พร้อมจะหายงอน และชวนเราเล่นสนุกต่อไป

หลายครั้งที่บางทีน้าลินก็พยายามจะทำท่าขึงขังจริงจัง แต่แล้วก็ใจอ่อนทุกที แล้วก็ไม่ใช่แค่เฉพาะกับเรา น้าลินใจอ่อนกับทุกคน น้าลินอาจจะดูเหมือนขี้โวยวายโมโหง่าย แล้วก็ขี้งอนด้วย แต่ก็จะหายอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึงห้านาที

"นี่ไง เข้าข้างกันตลอด น้าหลาน ลิสาถึงได้ย้ายโรงเรียนมาไม่รู้กี่โรงเรียนแล้ว"

ปกติคุณยายก็ใจดีนะ แต่ถ้าเทียบกับน้าลินผู้ใจดีเป็นที่สุดในโลกแล้ว คุณยายเหมือนจะดูเป็นคนใจร้ายไปเลยในบางครั้ง

"ช่างเถอะค่ะน้าลิน เรื่องมันผ่านไปแล้ว ลิสาไม่ได้คิดอะไร" เราขี้เกียจจะสนใจเรื่องนี้แล้ว

"ไม่ได้นะลูก ลิสาจะต้องคิดบ้าง จะไปเที่ยวต่อยหน้าใครสุ่มสี่สุ่มหน้าได้ยังไง" คุณยายยังคงตักเตือนเรา ซึ่งก็แน่นอน น้าลินต้องแย้งขึ้นมา

"แหม แม่คะ สมัยนี้ผู้หญิงเราต้องอย่ายอมให้ใครมารังแกค่ะ ต้องจัดให้หนัก จะได้รู้ว่าอย่ามาแหย่รังปลวก"

"ยัยลิน สำนวนเค้าว่า อย่าแหย่รังแตน แกนี่ติดนิสัยชอบพูดอะไรเรื่อยเปื่อย เฮ้อ ภาษาวิบัติหมด" คุณยายเค้าก็จะมีเรื่องแย้งน้าลินได้ตลอดเวลาเหมือนกัน

"แล้วทำไมไม่เป็น อย่าแหย่รังมด หรือ อย่าแหย่รังผึ้งคะ หรือต่างกันมั้ยคะกับอย่าแหย่เสือหลับ" ดูน้าลินไม่เคยยอมแพ้คุณยายง่ายๆ

เราเลยต้องเสนอความเห็นที่เป็นเรื่องเป็นราวบ้าง

"ลิสาว่ามันมาจาก กลอนสุภาษิตโลกนิติสอนเด็กของเก่า สำนวนกลอนสมัยรัชกาลที่ 3 นะคะ ท่อนที่ว่า อย่าอวดดีขี่ช้างซับมันบ้า อย่าอวดกล้ายิงปืนปากสลาย อย่าเลี้ยงดูลูกจระเข้คะนองร้าย เลี้ยงลูกเสือหมีหมายให้คุ้มตน อย่าลากคอสรพิษติดตามหลัง เที่ยวแหย่รังแตนเล่นไม่เป็นผล เอาไม้สั้นรันคูถมูตรระคน จะต้องตนเปล่าๆ ไม่เข้าการ"

"เอ่อ…" ทั้งน้าลินและคุณยายดูจะอึ้งๆกันไปเมื่อได้ยินกลอนสุภาษิตโลกนิติจากเรา

เราเลยต้องเข้าเรื่องที่เป็นงานเป็นการเสียที

"พรุ่งนี้เช้ามีข้าวต้มกุ้งเป็นอาหารเช้านะคะ อ้อ คุณยายกะน้าลินคะ เดือนนี้ค่าไฟแพงขึ้นมา 12% จากเดือนที่แล้วนะคะ ลิสาคิดว่าบางวันคุณยายกับน้าลินลืมปิดแอร์ก่อนออกจากห้องนะคะ ต่อไปอย่าลืมช่วยตรวจดูก่อนออกจากห้องด้วยนะคะ เพราะบางทีกว่าป้ากะทิจะขึ้นไปเจอก็ตอนเที่ยงโน่น"

หน้าที่ดูแลบ้านทั้งหมดนี่ตกเป็นของเรากับของป้ากะทิ ทั้งคุณยายและน้าลินไม่ถนัดเรื่องงานในบ้าน

"ขอบคุณค่าคุณลิสา นอนหลับฝันดีนะค้า"

แล้วน้าลินกับคุณยายต่างก็พากันเข้ามารุมกอดและจุ๊บแก้มพาเราไปส่งถึงห้องนอนโดยพร้อมเพรียงกันเหมือนอย่างทุกวัน

นี่เราอายุสิบห้าจะสิบหกแล้วนะ ปีหน้าก็จะไม่ได้ใช้คำนำหน้าว่าเด็กหญิงแล้ว แต่คุณยายกับน้าลินชอบทำเหมือนเราเป็นเด็ก ทั้งๆที่งานการทุกอย่างในบ้านนี้ เราเป็นคนจัดการให้เกือบจะทั้งหมดแท้ๆ!

เอาจริงนะ บางครั้งเราก็เหนื่อยกับการดูแลทุกคนในบ้าน แต่ก็เพราะรักอะเนอะ เราก็ยินดีทำให้พวกเค้าแหละ

แค่สงสัยว่า คุณยายกับน้าลินเค้าจะรู้กันบ้างไหม ว่าเรารักพวกเค้ามากแค่ไหน…