webnovel

ถ้าใจยังแซ่บ

"คุณเซน!"

ฉันสังเกตเห็นนัยน์ตายาวเรียวของเขาดูเลิ่กลั่กขึ้นมาเล็กน้อยจังหวะที่เราได้ประสานสายตากันอย่างจังๆ แต่แล้วรอยยิ้มน้อยๆก็ถูกระบายขึ้นบนฝีปากเรียวๆนั่น แล้วแววตาใต้กรอบแว่นใสก็กลับมีอาการแวววับระยิบระยับขี้เล่นขึ้นมาแทน

แต่คือ…ชั้นอายยยยยย เต้นไปซะสุดเหวี่ยงขนาดนั้น

ฉันไม่รู้จะทำหน้าต่อไปยังไงดี จะแกล้งตายดีหรือไม่ แต่แล้วก็มีเสียงดังจากทางข้างหลังในขณะที่ฉันและคุณเซนยังคงกำลังนิ่งงันจ้องมองกัน

'แคว่ก!'

และความเย็นจากแอร์ภายในผับก็พุ่งเข้ามาปะทะผิวเนื้อด้านหลังของฉันอย่างเฉียบพลัน

"ว้าย!"

ฉันรีบยกมือขึ้นปิดบังส่วนสำคัญท่อนบนของร่างกายโดยทันที รู้ตัวว่าเสื้อสายเดี่ยวสีดำกำลังหลุดร่วงจากร่างลงสู่พื้น

ความอายถึงขีดสุดปะทุขึ้นมาในเสี้ยววินาที

"ว้าย!" คราวนี้เสียงของชาวผับต่างดังขึ้นบ้างเมื่อเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น

เสียงดนตรีได้เงียบลงทันที ผู้คนที่กำลังยืนรุมล้อมต่างพากันนิ่งงันและจ้องมาทางฉันเป็นตาเดียว

และในวินาทีนั้น ก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป พลันผิวเนื้อของฉันก็ได้รับความอบอุ่นจากเสื้อเชิ้ตผ้าเนื้อนุ่มที่เข้ามาห่อหุ้มไหล่บางอันเปลือยเปล่าของฉันไว้อย่างรวดเร็ว

"คุณเซน…"

ฉันพึมพำออกมาเมื่อเห็นเจ้าของเสื้อเชิ้ตตัวนั้น ตอนนี้ท่อนบนของเขากำลังเปลือยเปล่าจากการเสียสละเสื้อสีดำตัวนั้นมาให้ฉัน และวงแขนแข็งแรงนั้นก็โอบเข้ากระชับฉันเข้าหาอ้อมอกเขา

โอ้ว….

นี่เค้ารีบถอดเสื้อออกมาคลุมร่างให้ฉันหรือนี่

โคตรเท่… ซึ้งอ่า

"ไม่เป็นไรนะครับ" เสียงกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูทำให้ฉันรู้สึกใจชื้นขึ้นมา

และเหนือสิ่งอื่นใด แผงอกขาวจัดที่อยู่ตรงหน้าทำเอาใจฉันกลับเต้นตึกตักขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่น่าอึดอัดอับอายนั้น

ซ่อนรูปเหมือนกันนะเราน่ะ

เอ่อ… อดไม่ได้ที่จะโลมไล้สายตาไปยังกล้ามเนื้อแน่นขาวเนียนที่แทบจะแนบชิดใบหน้าของฉัน

"อีชะนีบ้า ชั้นเห็นนะว่าแกตั้งใจแกล้งดึงเสื้อซิสของชั้น"

แต่แล้วเสียงคิตตี้ที่กรีดร้องขึ้น ทำให้ฉันจำต้องละสายตาจากแผงอกขาวๆนั่นเพื่อหันไปมองว่ามันเกิดอะไรขึ้น

คิตตี้กำลังปราดเข้าไปหาเด็กสาวผู้ซึ่งเป็นคู่กรณีของฉัน

"อีเด็กนี่ วอนซะแล้ว" แล้วน้องเบลล์ก็พาร่างอันมึนเมาเข้าประชิดชะนีน้อยคนนั้นบ้าง

"เฮ้ย คิตตี้ เบลล์ อย่าหาทำ!" เสียงของวิสกี้ตะโกนขึ้น ก่อนจะพุ่งเข้าหาคนกลุ่มนั้น

"คุณกิตติพัทธ์! อย่ามีเรื่องกันครับ!" เสียงคุณเซนตะโกนยับยั้งคิตตี้อีกแรง

แต่สายไปเสียแล้ว ความวุ่นวายโกลาหลบังเกิดขึ้นเมื่อแก๊งเพื่อนของเด็กผู้หญิงต่างก็พุ่งเข้าหาคิตตี้และน้องเบลล์บ้าง หลังจากนั้นการตะลุมบอนระหว่างแก๊งเด็กสาวและแก๊งคุณน้าก็เริ่มต้นขึ้น

ผู้คนเริ่มเบี่ยงเบนความสนใจจากฉันและคุณเซนไปยังกลุ่มที่กำลังชุลมุนพันตูกันนั้น

ขณะที่ฉันได้แต่ยืนนิ่งอึ้งในอ้อมกอดของคนตัวสูง

มันอะไรกันวะนี่!

ตอนนี้ฉันมึนมาก ไม่รู้ว่ามึนจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ หรือมึนจากฤทธิ์ความขาวของกล้ามอกตรงหน้า

"หยุดคร้าบ! ทุกคนหยุดคร้าบ!" ผู้เป็นเจ้าของผับรีบวิ่งลงจากเวทีมาที่เกิดเหตุโดยทันที

"ไอ้เวฟ มานี่ก่อน เอากุญแจห้องทำงานมึงมาให้กูก่อน" ฉันได้ยินเสียงคนกล้ามอกขาวตะโกนออกไปด้วยพลังเสียงทั้งหมดที่มี

ที่รู้เพราะแผงอกขาวๆนั่นกำลังกระเพื่อมสั่นไหวต่อหน้าต่อตาฉัน เง้อ เซ็กซี่อะ

"ไปที่ห้องทำงานของเพื่อนผมกันดีกว่าครับ" คุณเซนก้มลงบอกฉัน ก่อนที่จะรีบพาฉันออกเดินทันทีหลังจากได้รับกุญแจมาจากเพื่อน

"ไปเปลี่ยนเสื้อกันก่อนครับ"

คนพูดยังคงโอบฉันไว้แน่นขณะที่เราทิ้งความโกลาหลไว้เบื้องหลัง แล้วตรงดิ่งไปยังด้านหลังของบาร์เครื่องดื่ม ตลอดเวลาเขาคอยดูแลไม่ให้มีส่วนใดของร่างกายฉันโผล่พ้นออกมาจากเสื้อเชิ้ตสีดำตัวนั้น

"ขอบคุณนะคะ" ฉันเอ่ยขึ้นขณะเราเดินมาหยุดที่หน้าประตูห้องทำงานด้านหลังของผับ

คนกล้ามขาวค่อยๆคลายมือที่โอบกอดฉันออกไป

ว้า… เสียดายจัง

"ครับ"

แต่แม้คำตอบรับนั้นจะสั้นแสนสั้น ทว่าฉันก็ไม่ได้ต้องการคำพูดปลอบประโลมมากไปกว่านี้

แค่สายตาอบอุ่นที่ส่งมานั้น มันก็เพียงพอแล้ว…

"ซิสเป็นไงบ้างฮะ ตกใจมากหรือเปล่า"

จังหวะที่ฉันเปิดประตูห้องทำงานของเจ้าของผับออกมาและเห็นคุณเซนกำลังยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูห้องนั้น คิตตี้ก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ แล้วโผเข้าสวมกอดฉันทันที ร่างอันมึนเมาและสะบักสะบอมนั้นแทบทรงตัวไม่อยู่แล้ว แต่ยังเหลือสติมาเป็นห่วงฉันอีก

โถ คิตตี้… แต่เอ่อ… คิตตี้ตัวหนักมากนะจ๊ะ

ฉันต้องเกร็งตัวอย่างมากเพื่อที่จะรับน้ำหนักของคิตตี้เอาไว้ไม่ให้เราทั้งสองล้มลงไปด้วยกัน ฉันเองก็ยิ่งกำลังมึนๆอยู่ มองไปก็เห็นคุณเซนผละไปหาคุณเวฟเจ้าของผับซึ่งกำลังคุยอยู่กับพนักงานที่เดินตามมา ฉันเดาว่า หลังจากที่คุณเวฟและวิสกี้ห้ามปรามการตะลุมบอนนั้นสำเร็จ คุณเวฟก็คงพาพวกเพื่อนๆมาหาฉันที่นี่

"พี่ลินนนนน" คราวนี้น้องเบลล์โถมเข้ามาหาฉันอีกคน

"โอ๊ย พี่ลินของพวกหล่อนน่ะไม่เป็นอะไรหรอก พวกหล่อนห่วงตัวเองเถอะ" วิสกี้ปราดเข้ามาพยายามดึงสองคนนั่นออกจากฉัน เมื่อเห็นว่าฉันเริ่มจะทานน้ำหนักของคนเมาทั้งคู่ไม่ไหว

"เป็นไงกันบ้างเนี่ย โถ อุตส่าห์แก้แค้นให้พี่"

ฉันเพิ่งเห็นสารรูปของรุ่นน้องทั้งสองอย่างชัดๆ เมื่อทั้งสองถูกดึงให้ผละจากฉันให้ไปพิงที่ไหล่คนละข้างของวิสกี้แทน

อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบหน้าลูบตารุ่นน้องทั้งสอง อายแชโดว์ของคิตตี้ไหลเยิ้ม ลิปสติกสีแดงเลอะเปื้อนรอบขอบปาก ส่วนน้องเบลล์ก็นัยน์ตาแดงก่ำผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เหลือเค้าความสวยอีกต่อไป

"จะเป็นไงล่ะ ก็เยินน่ะสิ รุ่นนี้แล้ว จะสู้แรงพวกเด็กๆมันไหวมั้ย" วิสกี้ส่ายหน้ามองดูทั้งคู่สลับกันไปมาอย่างเวทนา

"หนูตบมันไปเต็มๆเลยพี่" เสียงอ้อแอ้จากน้องเบลล์สาวสวยผู้ไม่ยอมคนทำเอาฉันน้ำตารื้น แอบกอดน้องเบลล์ไปเบาๆ

คือแม้จะไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง แต่กลับกัน ถ้าน้องเบลล์โดนอย่างที่ฉันโดน ฉันก็คงปราดเข้าไปตบเด็กนั่นเหมือนกัน พวกเราไม่ยอมยืนเฉยๆให้ใครมารังแกแน่

"หนูเป็นคนจิกหัวให้เบลล์มันตบ" คิตตี้ทำเสียงสะใจแบบมึนๆ

ฉันหันไปกอดลูกทีมคนสนิทบ้าง คิตตี้ไม่เคยทิ้งฉัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องปาร์ตี้

"แล้วแกล่ะลิน หายตกใจรึยัง" วิสกี้หันมามองฉันอย่างเป็นห่วง

"ตอนนั้นอายมาก แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว" ฉันยิ้มแหยๆ ยังรู้สึกหน้าชาๆอยู่เล็กน้อยจากเหตุการณ์สายเดี่ยวหลุดท่ามกลางประชาชีหน้าตาดีชาวเธคผับ

"เสื้อของคุณเซนเนื้อนิ่มดี เดี๋ยวชั้นว่าจะขอซื้อต่อ" ฉันพยายามทำตลก เพราะสีหน้าของวิสกี้ยังคงดูกังวล

"อิจฉาพี่ลินจัง ได้ใส่เสื้อเท่ๆของคุณเซนด้วย มีกลิ่นคุณเซนติดอยู่บ้างไหมพี่" แม้จะเมามากแต่น้องเบลล์ก็ยังฝืนทำตาเซ็กซี่ขี้เล่น

"อือ ดมมั้ย กลิ่นเหงื่อล้วนๆไม่มีกลิ่นน้ำหอมเจือปน" ฉันยื่นแขนเสื้อไปใกล้จมูกน้องเบลล์

"ซิส หนูอยากดมตรงคอปกเสื้อ หนูชอบท้ายทอยคุณเซน" คิตตี้ไม่ยอมแพ้

เอ่อ…

"ว้า นี่พี่เสียดายเสื้อสายเดี่ยวของพี่ตัวนั้นมากเลยนะ ซื้อมือหนึ่งมาซะด้วย อย่างแพง"

ฉันรีบเปลี่ยนเรื่อง เมื่อมองข้ามไหล่ของวิสกี้ไปแล้วเห็นคุณเซนกับคุณเวฟกำลังเดินตรงมาที่พวกเรา

"ผมต้องขอโทษทุกคนด้วยนะครับที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น โชคดีที่ไอ้เซนมันหัวไว แก้สถานการณ์ได้รวดเร็ว"

คนที่เป็นเจ้าของผับก้าวเข้ามาหาฉัน ส่วนคนตัวสูงก้าวเข้าไปหาคิตตี้

"คุณกิตติพัทธ์เป็นไงบ้างครับ" เสียงนั้นออกอาการเป็นห่วงเป็นใย

"สบายๆค่ะคุณเซน แหม ไม่นึกเลยนะคะว่าจะมาเจอคุณเซนภาคดาร์กที่นี่ ตอนอยู่ในออฟฟิศคุณเซนทำงานจริงจังจะตายไป สาวๆทั้งบริษัทนี่ทั้งกรี๊ดทั้งกลัว" คิตตี้ผละจากวิสกี้ พยายามยืดตัวตรง แล้วระบายความในใจด้วยเสียงอ้อแอ้

"ก็มาดูกิจการของเพื่อนน่ะครับ ไม่คิดเหมือนกันว่าจะเจอพวกคุณที่นี่" คนเสื้อยืดดำตอบยิ้มๆพลางปรายตามองมาทางฉัน

ตอนที่เราเข้าไปในห้องทำงาน คุณเซนเค้ารีบเข้าไปหยิบเสื้อของเพื่อนที่พาดอยู่บนเก้าอี้มาสวม แล้วก็ออกมายืนรอฉันข้างนอกห้อง

คือตอนนี้คุณเซนอยู่ในเสื้อยืดสีดำแล้ว เสียดายกล้ามขาวๆนั่นจัง เอ่อ…

"พวกชั้นต้องเป็นฝ่ายขอโทษมากกว่าค่ะ ทำเอาผับของคุณวุ่นวายไปหมด" ฉันเบี่ยงสายตาจากคนเสื้อยืดดำไปหาคุณเวฟ

"นี่คงรู้จักกันหมดแล้วใช่ไหมคะ" ฉันคาดเดาว่าคิตตี้น่าจะริเริ่มการแนะนำตัวกันไปบ้างแล้ว

"ครับ สรุปว่ารู้จักโยงใยกันไปหมดนะครับ เอ่อ แล้วนี่จะเข้าไปนั่งพักในห้องทำงานผมกันก่อนไหมครับ ตามสบายเลยนะครับ" เจ้าของผับท่าทางป๋าใจสปอร์ตเอื้อเฟื้อมา

"อ้าว คุณเซน ว้า ใส่เสื้อทำไมล่ะคะ ซิคแพคคุณเซนเท่จะตาย" อยู่ๆน้องเบลล์ก็เงยหน้าขึ้นมาจากบ่าของวิสกี้แล้วจ้องไปที่เจ้านายของฉันด้วยสายตาแวววาว

"พี่ลินไม่เห็นเคยเล่าให้หนูฟังเลย ว่ามีเจ้านายแซ่บขนาดนี้ ถ้าคุณเซนเป็นเจ้านายหนูนะ รับรองหนูจะขยันทำงานถึงขั้นค้างคืนที่ออฟฟิศเลย" ความเซ็กซี่ขี้เล่นของน้องเบลล์เริ่มโฉดขึ้นเรื่อยๆ

"เอ้อ ดึกมากแล้ว เรากลับกันดีกว่ามั้ย เนอะ ดึกแล้วเนอะ" ฉันรีบตัดบทก่อนที่คุณเซนจะโดนน้องเบลล์แทะโลมเอาซึ่งๆหน้าต่อไป น้องเบลล์เวลาเมาแล้วน่ากลัวมาก

ส่วนคิตตี้นั้น…

"น้องเบลล์ นี่อย่ามาแอ๊วเจ้านายของพี่นะ สาวๆทั้งออฟฟิศเค้าหวงของเค้า แค่นี้ก็จะตบตีกันตายแล้ว" เสียงอ้อแอ้พร้อมสายตาที่มองแรงของคิตตี้แทรกขึ้นมาบ้าง

เอาแล้วไง ความน่ากลัวของคิตตี้ภาคเมาเริ่มแล้ว ตอนนี้หล่อนพยายามจะยืนตัวตรงสุดๆ รู้แหละว่าพยายามจะทำแกร่งต่อหน้าเจ้านาย

"แหม พี่คิตตี้ก็ ทำหวงไปได้" น้องเบลล์ยิ้มอ่อนให้กับคิตตี้ แล้วก็ยิ้มเรี่ยราดให้กับทุกคน

"ไป ไป กลับ กลับ กลับกันเถอะค่ะน้องๆ" ฉันรีบตรงดิ่งเข้าไปประคองคิตตี้ก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดไปมากกว่านี้

เจ้านายก็คือเจ้านาย เราไม่ควรถือโอกาสแอ๊วเจ้านายแม้ยามเมา

"นั่งแท็กซี่ไปกันหมดนี่ล่ะ เดี๋ยวกี้ตระเวนส่งทุกคนเอง เฮ้อ…"

วิสกี้รีบตอบรับคำบังคับกลับบ้านของฉัน เพื่อนรักฉันรู้ดีว่าฤทธิ์ความเมาของรุ่นน้องทั้งสองคนนี่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

"เดี๋ยวผมไปส่งคุณลินได้ครับ บ้านอยู่ทางเดียวกัน"

เสียงนุ่มๆของคนข้างๆที่เอ่ยขึ้นมานั้นทำเอาฉันรู้สึกอบอุ่นขึ้นอย่างประหลาด

"กว่าคุณวิสกี้จะตระเวนส่งทุกคนครบ ถึงบ้านเช้าแน่ครับ"

"เอ้อ จริงด้วย งั้นกี้พาคิตตี้กับเบลล์ไปส่งเถอะ ชั้นกลับกับคุณเซนได้"

บ้านของวิสกี้กับน้องเบลล์อยู่ทางเดียวกัน แต่อยู่คนละทางกับคิตตี้ แล้วก็ไม่ได้อยู่ทางเดียวกับฉันด้วย

"อือม์ ครับ ถูกของคุณเซน และถูกของลิน" วิสกี้พยักหน้าเห็นด้วยกับคุณเซนและฉันอย่างง่ายดาย คงเพิ่งตระหนักได้แหละว่าบ้านของแต่ละคนอยู่คนละทิศละทางกัน

"แกไม่เห็นเคยเล่าเลยว่า เจ้านายแกแซ่บขนาดนี้" แต่วิสกี้ก็ไม่ลืมที่จะเข้ามาดึงฉันออกไปกระซิบข้างหูเบาๆ

"ก็ตอนแรกๆชั้นเกลียดขี้หน้าเค้าจนไม่อยากพูดถึง เออ ลืมเล่าไปว่า เค้าคือไอ้เด็กที่เราเจอที่ผับตอนโน้น" ฉันกระซิบตอบกลับ แม้ฉันจะชอบคุยกับทุกคน แต่ฉันเป็นคนประเภทไม่ค่อยบ่นเรื่องของตัวเอง แล้วก็ไม่ค่อยชอบเล่าเรื่องที่ทำงานให้ใครฟัง

"เออ งั้นไว้ค่อยเม้าท์กันเรื่องนี้" วิสกี้กระซิบตอบฉันอีกที

"โอเค งั้นผมฝากเพื่อนด้วยนะครับคุณเซน ขอบคุณนะครับ" แล้วเพื่อนรักของฉันก็หันไปพยักหน้าพูดเสียงโทนหล่อกับเจ้านายของฉันแทน

…กับคนที่ไม่สนิท เพื่อนของฉันจะเก็บอาการ และมาดหล่อๆของวิสกี้ก็จะกลับคืนมา

"เฮ้อ! สองคนนั่นไม่น่าไปหาเรื่องเด็กๆเล้ย"

ฉันเอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบขณะเรานั่งอยู่ในพาหนะคันนั้นด้วยกัน ตลอดทางที่นั่งกันมาร่วมสิบกว่านาที คุณเซนกับฉันแทบไม่ได้พูดอะไรกันเลย

คนกล้ามขาวจ้องมองไปนอกหน้าต่างบ้าง หันมามองฉันด้วยสายตากังวลเป็นระยะๆบ้าง ดูเหมือนเขาอยากจะพูดอะไร แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา ดูเลิ่กลั่กชอบกล

นี่คือคนเดียวกันกับคนที่การตัดสินใจถอดเสื้ออย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเลตอนอยู่ในผับรึ

"ความจริงชั้นก็ไม่ถือโทษโกรธเด็กพวกนั้นหรอกค่ะ"

แม้จะกรึ่มมาก แต่ฉันก็ต้องพยายามทำเหมือนเป็นผู้ใหญ่ใจเย็น คุณเซนเค้าอาจจะกำลังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฉันคงต้องปลอบประโลมเค้า

"เอ้อ นั่นสิครับ คนละรุ่นซะขนาดนั้น เรี่ยวแรงน่าจะต่างกันเยอะ เราเป็นฝ่ายเสียเปรียบ"

เอ๊ะ คุณเซนคนเก่ากลับมาแล้ว…

ฉันยิ้มออก รู้สึกผ่อนคลายขึ้น

"เห็นคุณยิ้มได้ ผมค่อยสบายใจขึ้น" เขายิ้มน้อยๆให้ฉันบ้าง

"ฮั่นแน่ ที่อึกอักๆมาตลอดทางนี่ เพราะคุณเซนเป็นห่วงชั้นหรือคะ" อยู่ดีๆฉันก็รู้สึกอยากจะแหย่คนกล้ามขาวคนนี้เล่นบ้าง

ฉันหายตกใจเรื่องของตัวเองไปตั้งแต่เห็นสภาพของคิตตี้และน้องเบลล์แล้ว น้องสองคนได้แก้แค้นเด็กผู้หญิงพวกนั้นให้ฉันไปแล้ว

แล้วก็… การได้เห็นกล้ามขาวๆของคุณเซนในระยะกระชั้นชิดนี่ ก็ช่วยทลายความอับอายที่ถูกกระชากเสื้อไปเลย แหม กล้ามขาวๆแน่นๆนี่น่าสนใจกว่าตั้งเยอะ

"เอ่อ… ผมกำลังคิดว่า ถ้าผมเป็นคุณลินกับเพื่อนๆของคุณลิน ผมจะตอบโต้เด็กผู้หญิงกลุ่มนั้นยังไงไม่ให้มีเรื่องมีราวกัน"

มาแนวหลักการอีกละ จะคิดมากทำไมเนี่ย

"แต่จะว่าไปเรื่องแบบนี้มันต้องตาต่อตาฟันต่อฟันนะคะ แต่ช่างมันเถอะค่ะ มันจบไปละ" ฉันกำลังมึนอยู่ ขี้เกียจมาคิดถึงเรื่องจริยธรรมในตอนนี้

จังหวะนี้มันต้องอารมณ์โรแมนติกหรือเปล่าวะ

"ตอนนี้ชั้นรู้สึกดีใจจังเลยค่ะ ที่มีคนเป็นห่วง"

อยู่ดีๆฉันก็เลยยิ้มหวาน ทำตาซื่อ หันไปจ้องหน้าเขาตรงๆ

ไม่รู้ทำไมฉันหยุดตัวเองไม่ได้ ห้ามน้องๆไม่ให้แอ๊วเจ้านาย แต่ตัวเองกลับเริ่มทำซะเอง ต้องโทษความมึนจากแอลกอฮอล์เอาไว้ก่อน

ฉันเมา ฉันเมา สะกดจิตตัวเองไว้

"ก็…"

เฮ้ย คุณเซนหน้าแดงว่ะ

เอ้อ จ้องดีๆ แดงเฉพาะตรงโหนกแก้มด้วย ยังกะทาบรัชออน

ตอนนี้คนกล้ามขาวดูหน้าตาเลิ่กลั่กชอบกล ไม่ยอมสบตาฉัน แน่ใจนะ ว่านี่คือคุณเซนคนเดียวกับที่ชั้นเจอครั้งแรกที่ห้องกาแฟในออฟฟิศ

แววตาที่เคยยิ้มเยาะฉันบ่อยๆหายไปไหนกัน…

"แหม สาวแก่อย่างชั้นนานๆทีจะมีคนมาเป็นห่วง แค่นี้ก็กระชุ่มกระชวยจนนอนไม่หลับแล้วค่ะ"

ยัง ฉันยังไม่ยอมหยุด แถมลงทุนเรียกตัวเองว่าสาวแก่ด้วย

"แล้วคุณลินมีอาการเคล็ดขัดยอกตรงไหนบ้างหรือเปล่าครับ กระดูกยังอยู่ครบใช่ไหมฮะ คือผมเห็นออกสเต็ปซะสุดเหวี่ยงขนาดนั้น"

ฮั่นแน่ มีการพยายามตอบโต้โดยใช้มุกเดิมๆ

"โอ้โห เป็นห่วงด้านสุขภาพใจกันไม่พอ ยังแอบเป็นห่วงสุขภาพกายกันอีก คุณเซนน่ารักที่สุดเลย" ฉันทำนัยน์ตากรุ้มกริ่ม

ไม่รู้ว่าทำไปทำไม แต่…ณ จุดจุดนี้ ความมั่นมันต้องมาแล้ว

"คือ…" คนกล้ามขาวอึกอักเล็กน้อย

ฮั่นแน่ อยากจะชมฉันล่ะสิ ว่าวันนี้ฉันเซ็กซี่มาก

"คือ คุณลินตาเหยิมมากเลยครับ"

ตาเหยิม? อะไรคือตาเหยิม? นัยน์ตาเย้ายวนงี้เหรอ

คนพูดบอกว่าฉันตาเหยิม แต่ตัวเองกลับไม่ยอมมองตาฉัน ตอนนี้คนกล้ามขาวกำลังนั่งมองมือขาวๆของตัวเอง

"เหยิมแล้วไงคะ เหยิมแล้วน่าหลงใหลหรือเปล่าคะ"

อะฮ้า ฉันไม่ยอมแพ้หรอก จังหวะนี้แล้ว

"เมาคลีอะล่าสัตว์ เมาเเล้วคร่า ล่าใครได้บ้างค้า" ฉันรุกต่อด้วยน้ำเสียงขี้เล่น

"เอ้อ…" คราวนี้คนข้างๆเงยหน้าขึ้นมามองฉัน เริ่มทำหน้าแปลกๆ

ฮ่า ฮ่า ไงล่ะ งั้นต้องตามด้วยสายตาออดอ้อน

"ไม่ได้เป็นคนขี้เมา… แค่อยู่ในวงเหล้า แล้วมันไม่เหงาเท่านั้นเอ๊งงงงง"

"เอ่อ…" คนข้างๆเริ่มทำหน้าไม่ไว้ใจ

"ความแรงของเหล้า ยังไม่เท่าความเศร้าของใจ"

ฉันยังไม่ยอมหยุด และเริ่มจะไปกันใหญ่ เละเทะไปเรื่อยเปื่อย

แล้วก็เป็นโชคดีของคุณเซน รถแท็กซี่จอดหน้าบ้านฉันพอดี

ฉันแอบเห็นคนกล้ามขาวในเสื้อยืดดำถอนหายใจอย่างโล่งอก ทว่าโหนกแก้มนั้นยังคงแดงเรื่อๆอยู่

"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจ่ายเอง คุณลินเข้าบ้านเถอะครับ" เขารีบพูดขึ้นเมื่อเห็นฉันเปิดกระเป๋าสะพายหยิบกระเป๋าเงิน

"งั้นขอบคุณค่ะ" อยู่ๆฉันก็ยอมรับความเอื้อเฟื้อแต่โดยดี

ความจริงฉันเองก็เหนื่อยและมึนมาก ขี้เกียจแม้กระทั่งจะจ่ายเงินค่ารถเอง

"ไปนะคะ เจอกันวันจันทร์ค่ะ อ้อ แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ชั้นไม่เป็นไรแล้ว สบายมาก ส่วนเสื้อเชิ้ตนี่ ความจริงอยากจะขอซื้อต่อ เพราะเนื้อผ้ามันนุ่มใส่สบายมาก แต่คิดว่าคุณเซนคงจะหวง งั้นเดี๋ยวชั้นซักรีดใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มส่งคืนให้อย่างดีเลยค่ะ"

และหลังจากปล่อยมุกแป๊กไปจนสาแก่ใจแล้ว ฉันก็กลับมาเป็นงานเป็นการอีกครั้ง

"ครับ"

คุณเซนยิ้มให้ฉัน และฉันก็เพิ่งจะสังเกต ยามคุณเซนยิ้มกว้างแบบไม่เปิดปาก ไม่เห็นฟันขาว คุณเซนมีลักยิ้มทั้งสองข้างด้วยว่ะ แก้มบุ๋มเลย น่ารักอะ

หรือนี่จะคือยิ้มหวานที่ป้าผ่องป้าแม่บ้านแกหมายถึง?

แววตาอันอบอุ่นที่ส่งมา โหนกแก้มที่ยังไม่หายแดงของคนตรงหน้า ทำเอาฉันเคลิ้มอกเคลิ้มใจ

อยากจะพุ่งเข้าเตียงนอนใจจะขาดแล้ว

อยากจะนอนหลับไปพร้อมมีกล้ามขาวๆอยู่ในความฝัน

อยากจะนอนหลับไปพร้อมกับพ่อแก้มบุ๋มของฉัน งื้ออออ….