webnovel

พี่สาวผู้นั้นเป็นของข้า

“ข้อขอโอกาสอีกครั้ง ขอโอกาสกลับไปแก้ไขความผิดที่กระทำต่อนางอีกสักครั้ง” ชาติที่แล้วเพราะโง่เขลาเบาปัญญาหลงเชื่อคำพูดของคนชั่ว ทำให้เขาปฏิบัติตนไร้น้ำใจต่อนาง หากมีโอกาสอีกครั้งเขาจะรักถนอมนางเพียงผู้เดียว เขาคือ เจิ้นหลินเฟิง อดีตองค์ชายรัชทายาท เพราะพระมารดาหรืออดีตฮองเฮาต้องโทษและประหารทำให้เขาถูกถอดยศ กลายมาเป็นองค์ชายธรรมดา และถูกส่งมาอยู่เมืองหน้าด่านที่ทุรกันดาร จึงทำให้พบกับลู่ซีที่นั่น สตรีทึนทึกที่อายุเลยวัยปักปิ่นไปแล้วหลายปี หน้าตาธรรมดาไม่งดงาม ในคราแรกก็รังเกียจที่ต้องให้สตรีขี้เหร่ผู้นั้นสอนหนังสือ แต่เมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกลับพบว่าลู่ซีนั้นคือสตรีผู้มีจิตใจงดงามผู้หนึ่ง และมีอดีตเรื่องความรักที่เจ็บช้ำ นางเป็นพี่สาวแสนดีที่คอยปกป้องคุ้มครองเขายามถูกคนดูแคลน รู้ตัวอีกทีนางก็เป็นมิตรภาพที่เคียงข้างช่วยเหลือให้กำลังใจเขามาตลอด แต่เพราะมารู้ทีหลังว่าบิดาของนาง เป็นผู้ที่ทำให้พระมารดาเขาต้องถูกประหารและตัวเขาต้องโทษ จากมิตรภาพจึงกลายเป็นศัตรู และไม่ใช่ว่าที่อุ้มชูเลี้ยงดูเขาไว้ในตระกูลลู่ ก็เพราะหวังผลประโยชน์จากเขาในอนาคตหรอกหรือ เพื่อกลับคืนสู่ฐานะเดิมเจิ้นหลินเฟิงจึงหลอกใช้ หาผลประโยชน์จากลู่ซีและครอบครัว และแก้แค้นนาง ทำให้นางเจ็บช้ำน้ำใจถึงที่สุด จนกระทั่งช่วงเวลาสุดท้ายถึงรู้ว่าเขาทำพลาดไปแล้ว ข้าเจิ้นหลินเฟิง ขออ้อนวอนต่อเทพเจ้ามังกร ให้มีโอกาสอีกครั้งแก้ไขเรื่องผิดพลาดทั้งหมดนี่ด้วยเถอะ

Pum_Nanth · History
Not enough ratings
45 Chs

44 ล้มเหลว

เสียงของคนกลุ่มใหญ่ดังมาแต่ไกลผสมผสานกับเสียงขับร้องและเสียงดนตรีในงานเลี้ยง ลู่ซีเป็นที่มีประสาทสัมผัสรับรู้ในเรื่องพวกนี้ไว้เป็นพิเศษถึงแม้ว่าเวลานี้นางจะเมาจนแทบจะยกหัวไม่ขึ้น นางจึงกล่าวเตือนเจิ้นหลินเฟิง

เมื่อคิดว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นนางก็นึกโกรธตัวเองที่ดื่มสุราจนเมามาย เมื่อเงยหน้ามองบุรุษที่นั่งอยู่ข้างกัน เขาดูไม่ตื่นเต้นกับสิ่งที่นางกล่าว เพียงแค่ฉีกแขนเสื้อออกแล้วนำมาผูกปิดตาให้นางอย่างอ่อนโยน นางซาบซึ้งที่เขายังจำเรื่องนี้ได้

เจิ้นหลินเฟิงนั้น สุขุมเงียบขรึมกว่าที่นางคิด เช่นนั้นก็แสดงว่าเขาอาจจะรับรู้มาบ้างว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น

"ท่านนั่งอยู่กับเด็กดีอยู่ตรงนี้อย่าได้ทำตัววุ่นวายเสียงดังเข้าใจหรือไม่"

นางพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย ต่อให้นางอยากวุ่นวายนางก็ไม่มีปัญญาจะลุกไปไหน

เสียงดนตรีขับร้องประสานหยุดเงียบ ผู้คนในห้องโถงงานเลี้ยงเริ่มหันไปมองจุดนั้นเป็นตาเดียวกัน บางคนที่เมามายเริ่มโวยวาย

นักดนตรีและนางรำที่เคยขับร้องเพลงใบหน้าสวยสดงดงาม แปรเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นกระบี่ที่ซุกซ่อนเอาไว้ถูกหยิบออกมาจากที่ซ่อน ไล่ต้อนพวกที่ไม่เกี่ยวข้องให้ออกไป คนพวกนี้อาศัยช่วงจังหวะเจ้าหน้าที่หละหลวมพกพาอาวุธเข้ามา อีกทั้งยังเป็นผู้ลงมือวางยาพิษในสุราอีกด้วย

ความโกลาหลวุ่นวายก่อตัวขึ้นทันที เสียงของผู้คนตะโกนโหวกเหวกโวยวาย ชายฉกรรจ์กลุ่มกรูกันเข้ามาภายใน กลับกันเจิ้นเฉาและซวนเผิงที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งประธานไม่ได้มีท่าที่ตื่นตระหนกใด ๆ ราวกับรู้อยู่แล้วว่าต้องเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น

พวกเขาเป็นใครกัน กว่าจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนี้ เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ไม่เคยพบเจอ

ชายฉกรรจ์ปิดหน้าพวกนั้นนำอาวุธที่เตรียมไปจ่อคอบุคคลสำคัญภายในงานเลี้ยง รวมถึงเชื้อพระวงค์ชั้นสูงอีกด้วย

เมื่อแน่ใจว่าจัดการทุกคนในงานเลี้ยงเสร็จเรียบร้อย กุ้ยกงกงก็ปรากฏตัวขึ้นโดยมีเฉินกงกงยืนอยู่เบื้องหลัง

"เจิ้นเฉา ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะมีวันนี้" ขันทีชราเอื้อนเอ่ย มันแสดงสีหน้ายินดี ที่สามารถควบคุมเจิ้นเฉาอริเก่าได้อย่างราบคาบ

"นึกว่าใครที่แท้ก็กุ้ยกงกง" เจิ้นเฉาปรายตาไปยังอดีตขันทีคนสนิท

"น่าเสียดายที่ปีนั้นกุ้ยฮองเฮา ดันทำแผนการพังเสียก่อน ไม่เช่นนั้น อำนาจทั้งหมดในวังหลวงคงเป็นของข้าทั้งหมด" มันยกยิ้มมุมปากสายตาพูดด้วยน้ำเสียงเคียดแค้นชั่วร้าย

เจิ้นหลินเฟิงฟังที่กุ้ยกงกงกล่าวโทษมารดาของตนก็ได้เก็บความเจ็บแค้นเอาไว้ในอก เป็นเพราะมันหลอกใช้นาง เป่าหูปั่นประสาท นางถึงได้มีความคิดเช่นนั้นกับเสด็จพ่อ

"น่าเสียดายจริง ๆ นั่นแหละกุ้ยกงกง ที่ตอนนั้นข้าไม่สามารถกำจัดเจ้าได้ ปล่อยให้เจ้าลอยนวลเช่นนี้"

กุ้ยกงกง มองดูสีหน้าของผู้คนที่อยู่ในห้องจัดเลี้ยง เวลานี้สุราพิษที่เขาจัดเตรียมเอาไว้ควรจะออกฤทธิ์ได้แล้ว แต่เหตุใดผู้คนในห้องนี้จึงมีสีหน้าปกติ พวกนักสังคีตนางรำก็ตกใจไม่แพ้กันหรือว่ายาพิษของพวกตนนั้นจะมีปัญหา

"กุ้ยกงกง ท่านดูสีหน้าไม่ดีเลย มีแผนการอะไรผิดพลาดหรือเปล่า" เจิ้นหลินเฟิงยกจอกสุราขึ้นดื่ม ด้วยท่าทีสบาย ๆ

"ทะ ทำไม เจ้าถึงไม่เป็นอะไรเลย" ขันทีชราเริ่มมีสีหน้าไม่สบายใจ

"มีอะไรในสุรานี้งั้นหรือ" ฟ่านอี้หยวนถาม

ขันทีชรา หันไปมองหน้าเฉินกงกง

"ท่านกงกงข้าน้อย จัดการเรียบร้อยแล้วนะขอรับ" เฉินกงกงมีสีหน้าลุกลี้ลุกลน เขามั่นใจว่าจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ยาพิษที่จัดเตรียมเอาไว้เขาเป็นผู้ควบคุมการใช้งานด้วยตัวเอง

กุ้ยกงกงตบหน้ามันไปหนึ่งที

"สะเพร่านัก"

ชายฉกรรจ์ชุดดำที่เคยใช้มีดจ่อคอบุคคลสำคัญในงานเลี้ยง ต่างถอดผ้าคลุมหน้าออก แทนที่จะเป็นคนของกุ้ยกงกง กลายเป็นว่าทุกคนล้วนเป็นทหารองครักษ์ของลู่จวิ้นอ๋อง

ชายชุดดำทั้งหมดคุกเข่าทำความเคารพ

"เหิงเทา ข้าง่วงเหลือเกินงานเลี้ยงวันนี้ไม่สนุกแล้ว ที่เหลือเจ้าจัดการเองก็แล้วกัน" เจิ้นเฉา ลุกขึ้นออกจากงานพร้อมด้วยทหารองครักษ์เดินตามอารักขา เจ้าแคว้นทั้งสองหมุนกายออกจากห้องจัดงานไปพร้อม ๆ กัน

ลู่เหิงเทาค้อมกายเล็กน้อย พร้อมกับหันหน้าไปเตรียมจัดการกับกุ้ยกงกง

"เด็กดี งานเลี้ยงเลิกแล้วหรือ ทำไมข้าถึงไม่ได้ยินเสียงเพลงเลย" คนตัวเล็กที่ซุกอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นของเจิ้นหลินเฟิงจู่ ๆ ก็กล่าวขึ้นมา

ขมับของลู่จวิ้นอ๋องเต้นตุบ ๆ ใครให้นางดื่มขนาดนี้กัน

นางทำท่าจะพูดต่อ เจิ้นหลินเฟิงใช้มือปิดปากแทบไม่ทัน

"เสี่ยวเฟิงเจ้าพานางไปเถอะ ข้าจะจัดการเรื่องทางนี้เอง" ลู่จวิ้นอ๋องกล่าวกับชายหนุ่ม

คนตัวสูงอุ้มนางเข้าสู้อ้อมแขน สองมือเล็กของนางยังคว้าขวดสุราขึ้นมากอดเอาไว้หนึ่งขวด ปากก็ยังโวยวายพูดพร่ำเจรจา

"เด็กดี งานเลี้ยงทำไมเลิกเร็วจัง" นางพูดไปพลางยกสุราที่นำติดมือมาด้วยขึ้นดื่ม "เด็กดี ข้าอยากดื่มอีก"

"พอได้แล้ว" เขาแย่งสุราออกจากมือ

คนตัวเล็กงอแงอยู่ในอ้อมกอด พยายามยื้อแย่งขวดสุราจากมือเขา

"เอามาให้ข้า" นางดื้อรั้นงอแง

"พี่สาว ท่านควรนอนได้แล้ว อย่าดื่มอีกเลย"

"เด็กดี ขอข้าดื่มอีกขวดเดียว" ลู่ซีถอดผ้าปิดตาออกจ้องมองคนที่อุ้มนางอย่างอ้อนวอน

สายตาของนางซุกซน ริมฝีปากเผยอออกยามพูดคุย จนเจิ้นหลินเฟิงแทบจะอดรนทนไม่ไหว

"กลับห้องกันเถอะ" เขาจุมพิตที่หน้าผากนางหนึ่งครั้งก่อนจะรีบสาวเท้าพาสตรีขี้เมาคนนี้กลับที่พัก

คนตัวสูงวางนางลงบนเตียงอย่างอ่อนโยน เป็นลู่ซีมองเขาด้วยแววตาหวานซึ้งล้ำลึก ตอนที่เจิ้นหลินเฟิง ลุกขึ้นจะเดินออกจากห้องเป็นลู่ซีที่รั้งมือเขาไว้

"เด็กดีของข้า"

สายตาเช่นนั้นของนางที่มองเขา ดูร้ายกาจเหมือนปีศาจจิ้งจอก ทั้งยั่วยวนทั้งเชื้อเชิญ เขาเดาว่านางกำลังทำไปแบบไม่รู้ตัว

"ท่านนอนได้แล้ว" เขาลูบหัวนางเบา ๆ

คนตัวเล็กยังไม่ปล่อยมือ นางดื้อรั้นดึงดัน เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ เจิ้นหลินเฟิงจำรสสัมผัสเมื่อตอนบ่ายได้ดี เขาอยากลิ้มรสมันอีกครั้ง แต่เพราะกลัวว่าตนจะล่วงเกินนางไปมากกว่านี้ จึงได้พยายามหักห้ามใจ

สองมือของลู่ซีโอบรอบเอวเขา มือก็ฉวยโอกาสปลดสายคาดเอว ออกอย่างตั้งอกตั้งใจ

"ลู่ซี" เขาจับมือซุกซนของนางรวบเอาไว้

"ไม่อึดอัดหรือ" นางแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ นางเม้มปากมองเข้าไปในดวงตาล้ำลึกของเขา หากเป็นตอนที่ยังไม่เมา นางคงไม่อาจหาญทำเช่นนั้น

เขาจ้องนางกลับ หญิงสาวเริ่มรู้สึกว่าตนนั้นเล่นอะไรเลยเถิดไปแล้ว จึงแกล้งล้มตัวลงนอน

นางหันหลังให้เขา เปลือกตาเริ่มหนักอึ้ง ฤทธิ์สุราทำให้นางวิงเวียนศีรษะ คนตัวเล็กหลับไปในทันที

เจิ้นหลินเฟิงสูดลมหายใจเข้าออกเพื่อสงบสติอารมณ์ นางช่างเป็นสตรีที่ร้ายกาจจริง ๆ เขาไม่ต้องการรุกไล่ให้นางตื่นตกใจในเวลานี้ ไม่อยากให้นางต้องรู้สึกผิดเสียหาย รอวันที่เขาและนางร่วมพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน หลังจากวันนั้น เขาจะกลืนกินนางไม่ให้เหลือซาก

ชายหนุ่มห่มผ้าให้นาง จุมพิตสตรีที่กำลังหลับใหลด้วยความรักใคร่ห่วงใย จากนั้นก็ออกไปจัดการหน้าที่ของตนต่อ