webnovel

พี่สาวผู้นั้นเป็นของข้า

“ข้อขอโอกาสอีกครั้ง ขอโอกาสกลับไปแก้ไขความผิดที่กระทำต่อนางอีกสักครั้ง” ชาติที่แล้วเพราะโง่เขลาเบาปัญญาหลงเชื่อคำพูดของคนชั่ว ทำให้เขาปฏิบัติตนไร้น้ำใจต่อนาง หากมีโอกาสอีกครั้งเขาจะรักถนอมนางเพียงผู้เดียว เขาคือ เจิ้นหลินเฟิง อดีตองค์ชายรัชทายาท เพราะพระมารดาหรืออดีตฮองเฮาต้องโทษและประหารทำให้เขาถูกถอดยศ กลายมาเป็นองค์ชายธรรมดา และถูกส่งมาอยู่เมืองหน้าด่านที่ทุรกันดาร จึงทำให้พบกับลู่ซีที่นั่น สตรีทึนทึกที่อายุเลยวัยปักปิ่นไปแล้วหลายปี หน้าตาธรรมดาไม่งดงาม ในคราแรกก็รังเกียจที่ต้องให้สตรีขี้เหร่ผู้นั้นสอนหนังสือ แต่เมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกลับพบว่าลู่ซีนั้นคือสตรีผู้มีจิตใจงดงามผู้หนึ่ง และมีอดีตเรื่องความรักที่เจ็บช้ำ นางเป็นพี่สาวแสนดีที่คอยปกป้องคุ้มครองเขายามถูกคนดูแคลน รู้ตัวอีกทีนางก็เป็นมิตรภาพที่เคียงข้างช่วยเหลือให้กำลังใจเขามาตลอด แต่เพราะมารู้ทีหลังว่าบิดาของนาง เป็นผู้ที่ทำให้พระมารดาเขาต้องถูกประหารและตัวเขาต้องโทษ จากมิตรภาพจึงกลายเป็นศัตรู และไม่ใช่ว่าที่อุ้มชูเลี้ยงดูเขาไว้ในตระกูลลู่ ก็เพราะหวังผลประโยชน์จากเขาในอนาคตหรอกหรือ เพื่อกลับคืนสู่ฐานะเดิมเจิ้นหลินเฟิงจึงหลอกใช้ หาผลประโยชน์จากลู่ซีและครอบครัว และแก้แค้นนาง ทำให้นางเจ็บช้ำน้ำใจถึงที่สุด จนกระทั่งช่วงเวลาสุดท้ายถึงรู้ว่าเขาทำพลาดไปแล้ว ข้าเจิ้นหลินเฟิง ขออ้อนวอนต่อเทพเจ้ามังกร ให้มีโอกาสอีกครั้งแก้ไขเรื่องผิดพลาดทั้งหมดนี่ด้วยเถอะ

Pum_Nanth · History
Not enough ratings
45 Chs

30 จะไม่ปล่อยให้นางคลาดสายตา

เจิ้นหลินเฟิงไม่พูดกับนางสักคำเดียวตั้งแต่กลับมาจากตลาด ลู่ซีสัมผัสได้ถึงอารมณ์ฉุนเฉียวของเขา นางจึงยอมให้เขาอุ้มกลับแต่โดยดี โดยไม่พูดอะไรสักคำเช่นกัน

โชคดีที่นางอุ้มเด็กหญิงคนนั้นหลบรถม้าทันไม่เช่นนั้นนางคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต

เมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นางก็ลอบถอนหายใจเบา ๆ

"ใส่ใจแต่ผู้อื่น โดยไม่คำนึงความปลอดภัยของตัวเอง" เขาบ่น

"หากข้าไม่ช่วย เด็กคนนั้นคงถูกรถม้าทับตายไปแล้ว" นางเถียงกลับ

"เกื้อกูลผู้อื่นได้ก็จริง แต่ก็ควรคำนึงถึงตัวเองด้วย หากเจ้าเป็นอะไรไปล่ะ หากได้รับบาดเจ็บมากกว่านี้ล่ะ" เจิ้นหลินเฟิงวางนางที่ข้างเก้าอี้นั่งเล่น พร้อมกับบ่นนางไม่หยุด เขาจ้องนางอย่างอารมณ์เสีย

เรื่องวันนี้เขาโกรธจริง ๆ โกรธที่นางรักผู้อื่นมากกว่าตนเอง ตลอดหลายปีที่ผ่านมานางก็ชอบทำเพื่อผู้อื่นเช่นนี้เสมอ เขาไม่ชอบที่นางใส่ใจคนอื่น เมื่อไหร่กันที่นางจะเห็นแก่ตัว เขาเป็นชายคนเดียวที่นางใส่ใจ

"เจิ้นหลินเฟิง เจ้าเป็นบิดาข้าหรืออย่างไร" นางเริ่มโต้เถียง

"ข้ามิอาจเอื้อมไปดำรงตำแหน่งของลู่จวิ้นอ๋องได้หรอก แต่หากเป็นเปลี่ยนมาเป็นสามีท่านแทนก็ไม่แน่" รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ประดับอยู่มุมปาก

หากเป็นสตรีอื่นคงเคลิบเคลิ้มหลงใหลใบหน้าหล่อเหลาที่มีเสน่ห์เหลือร้ายนั่นไปแล้ว แน่นอนว่าไม่ใช่นาง ลู่ซีบีบมือตัวเองแน่น พยายามอดทนอดกลั้น คำพูดของยียวนของเจิ้นหลินเฟิงนั่นเล่นเอานางพูดไม่ออก

"ใครอยากเป็นภรรยาเจ้ากัน" พูดจบนางก็เบือนหน้าหนี

ส่วนคนที่เป็นฝ่ายกวนประสาทได้แต่มองนางอย่างอารมณ์ดี

เขาจ้องมองเนื้อตัวมอมแมมของนางอย่างอารมณ์เสีย เสื้อผ้าบอบบางของสตรีฉีกขาดเป็นรอย รอยขาดของมันแสดงให้เห็นว่าร่างเล็กบอบบางของนางครูดไปกับพื้นถนน ตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่มีส่วนไหนของร่างกายนางที่ไม่เปื้อนโคลน เจิ้นหลินเฟิงไม่ชอบที่นางเป็นเช่นนี้ เขาไม่ชอบที่นางบาดเจ็บเช่นนี้

คนตัวสูงสำรวจร่องรอยการบาดเจ็บตั้งแต่บริเวณต้นแขน เลือดที่ไหลซึมเมื่อก่อนหน้าดูเหมือนจะหยุดไปแล้วโชคดีที่เป็นเพียงรอยถลอก ใส่ยาไม่กี่ครั้งก็หายดี

เจิ้นหลินเฟิงมองเรื่อยไปจนถึงหัวเข่า กระโปรงสีฟ้าของนางมีเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อย

"หัวเข่าท่าน" เจิ้นหลินเฟิงรีบถลกกระโปรงนางขึ้นเพื่อดูหัวเข่า

"เจิ้นหลินเฟิงตรงนั้นข้า..."

เรียวขาสวยงามของนางปรากฏต่อหน้าเจิ้นหลินเฟิง ผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียนไร้ริ้วรอย ที่บริเวณหัวเข่ามีเลือดไหลซึม มือของเจิ้นหลินเฟิงเลื่อนสูงขึ้นไปอีกหน่อย คนตัวเล็กสะดุ้งโหยง เขาจึงค่อย ๆ เปิดขึ้นไปพบว่ามีรอยกรีดเป็นทาง แผลค่อนข้างลึก คงไปขูดกับอะไรสักอย่างตอนนั้นมาแน่ ๆ

"อย่....." ลู่ซีกำลังจะห้ามปราบแต่โดนเจ้าเด็กตัวแสบเอ็ดขึ้นมาเสียก่อน

"ท่านอดทนมาจนถึงตอนนี้ได้ยังไงกัน" เจิ้นหลินเฟิงที่คุกเข่าอยู่เบื้องล่างเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของแผล "บาดเจ็บขนาดนี้ แต่ท่านก็ยังไม่ร้องไห้ไม่มีน้ำตาสักหยด" ดวงตาของเจิ้นหลินเฟิงเริ่มเจือสีแดง

หญิงสาวเม้มปากเป็นเส้นตรง "คราแรกไม่ค่อยเจ็บนะ แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกเจ็บขึ้นมานิดหน่อยแล้ว" นางพยายามจะดึงชายกระโปรงลงหากเขาเลื่อนขึ้นอีกนิดก็จะเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

"อยู่นิ่ง ๆ" เจิ้นหลินเฟิงสั่งเสียงเข้มลุกขึ้นเดินออกไปนอกห้อง เขาออกไปพูดอะไรบางอย่างไม่นานบ่าวรับใช้ก็นำอุปกรณ์ทำแผลเข้ามาส่งในห้องพร้อมกับกะละมังน้ำอุ่น

"ให้เสี่ยวจูทำก็ได้" ลู่ซีรีบแย้ง เมื่อเห็นว่าเขาทำท่าจะทำแผลให้นาง "ไม่ได้"

"แต่เจ้าเป็นผู้ชาย ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกันเช่นนี้" นางจับมือเขาไว้

"แล้วเสี่ยวจูไม่ใช่ผู้ชายหรอกหรือถึงจะเป็นขันทีก็เถอะ" สีหน้าเขาเคร่งขรึม

ขณะที่ในมือเริ่มใช้ผ้าชุบหน้าซับเลือดที่แห้งแล้ว ตรงต้นขาเรียวสวยของลู่ซีเลื่อยลงมาจนถึงหัวเขา หากรู้ว่านางจะได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ เขาจะไม่ปล่อยให้นางคลาดสายตาแม้เพียงวินาทีเดียว

"เสี่ยวเฟิงข้าเจ็บ" นางบีบหัวไหล่เขาแน่น

เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกนิด เจิ้นหลินเฟิงต้องดูว่าเมื่อซับเลือดแล้วแผลของนางลึกมากขนาดไหนต้องรักษาเช่นไร

"โอ๊ย.....เสี่ยวเฟิงเบา ๆ หน่อย" นางร้องเสียงหลง

หากเจิ้นหลินเฟิงเงยหน้าขึ้นมามองนางตอนนี้คงจะเห็นว่านางหน้าแดงแค่ไหน อารมณ์ความรู้สึกตอนนี้คือทั้งเจ็บทั้งอาย

"ข้าขอโทษ" เขาเป่าที่แผลของนางเบา ๆ ลมหายใจอุ่นร้อนของเขาทำให้หญิงสาวขนลุกไปทั้งตัว เวลานี้เขายังคงสนใจที่แผลของนาง ค่อย ๆ ใส่ยาให้นางอย่างทะนุถนอมอ่อนโยน "ซีซียกขาขึ้นหน่อยข้าจะพันแผลให้เจ้า"

"ข้าพันเองได้" นางรีบห้ามปราม

หากยกขาขึ้นไม่ใช่ว่าจะเห็นไปถึงไหนต่อไหนหรอกหรือ

"เจ้าจะพันเองได้ยังไง" เขาส่งสายตาดุให้นาง เมื่อได้สบตานางอีกครั้งเขาจึงรู้ว่าตอนนี้นางอยู่ในสภาพหมิ่นเหม่ขนาดไหน

ท่าทางนางตอนนี้ไม่เหมือนกับลู่ซีที่เขารู้จัก อาการเขินจนหน้าแดงของนางดูน่ารักยิ่ง ดวงตากลมโตสีน้ำตาล ริมฝีปากอวบอิ่มไร้สีชาด แม้จะไม่งดงามในสายตาผู้อื่นแต่ยามนี้สำหรับเขาแล้วนางงดงามอย่างน่าประหลาด

"งั้นเจ้าก็ปิดตา" ลู่ซีดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากสาบเสื้อ

"ได้ ๆ" เจิ้นหลินเฟิงรับผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นมาจากนาง คนตัวสูงพับมันเป็นสองทบ กลิ่นของผ้าเช็ดหน้าเป็นกลิ่นเดียวกันกับกลิ่นกายนาง แต่ถึงจะพับมาเป็นสองทบมันก็บางจนเห็นอะไรต่อมิอะไรอยู่ดี สตรีผู้นี้แม้จะอายุขนาดนี้แล้วแต่ยังคงไม่ประสีประสากับเรื่องเช่นนี้

"ข้าปิดตาแล้วนะ ไม่เห็นอะไรแล้วนะ" เขาบอกแก่นาง

เป็นเช่นนั้นลู่ซีจึงวางใจปล่อยให้เขาพันผ้าที่ต้นขานาง

การกระทำของเจิ้นหลินเฟิงเปลี่ยนไปตั้งแต่กลับมาจากท่องเที่ยว ต่อให้คิดเช่นไรนางก็คิดไม่ออก เด็กคนนี้มีเหตุผลอะไรที่ปฏิบัติตัวเช่นนี้กับนาง

ความอ่อนโยนนั่นตลอด 5 ปีที่ผ่านมา นางไม่เคยได้รับจากเขาสักครั้ง เป็นซวนผิงอี้ที่มักจะได้มันไป ระหว่างนางและเขาส่วนใหญ่จะเป็นการทะเลาะกันเสียมากกว่า เจ้าเด็กแสบมักจะหาเรื่องให้นางปวดหัวอยู่เสมอ หรือว่าช่วงหลังเขาไปฝึกธรรมมาหรืออย่างไร

"เจ็บหรือไม่"

"หากเจ็บก็บอกข้า"

"ข้าจะทำเบา ๆ "

บทสนทนาในห้อง เสี่ยวจูได้ยินก็แทบเป็นลม ตกลงพวกเขาเข้าไปทำแผลให้กันหรือเข้าไปทำอะไรกันแน่ ขันทีหนุ่มกุมขมับ