ปีใหม่ปีนี้ ท่านพ่อถูกเรียกตัวด่วนกลับเมืองหลวง ส่วนเจิ้นหลินเฟิงถูกซวนผิงอี้เชิญฉลองปีใหม่ที่แคว้นเว่ย พี่ชายทั้งสองต่างก็มีครอบครัวเป็นของตัวเอง
นี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกเหงา ก่อนหน้าในจวนเจ้าเมืองต่างก็มีผู้คนมากมาย สนุกสนาน แต่วันนี้กับมีเพียงโคมไฟประดับเท่านั้นที่ดูสดใส
นี่เป็นชีวิตของสตรีที่กำลังจะถูกทอดทิ้งจากครอบครัวใช่หรือไม่ ลู่ซีไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน อนาคตหากไม่มีบิดา ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน นางจะอยู่กับใครเล่า
หญิงสาวแหงนหน้ามองท้องฟ้า สายลมหนาวพัดแผ่วเบา
ในเมื่อไม่มีใครอยู่ร่วมฉลองปีใหม่กับนาง หญิงสาวจึงชวนเสี่ยวจูไปเที่ยวเล่นในตลาด รอดูดอกไม้ไฟยามค่ำคืน
คนตัวเล็กสวมเสื้อคลุมสีเลือดนกมวยผมง่าย ๆ ใช้ถุงมือคู่เก่าเก็บโชคดีที่คืนนี้ไม่มีหิมะ ชาวบ้านในตลาดนำน้ำร้อนออกมาสาดตามถนนเพื่อละลายหิมะ สร้างความสะดวกสบายให้แก่นักท่องเที่ยว
โรงสุรา ร้านค้า ต่างคลาคล่ำไปด้วยผู้คน เซียวจ้าวเหอที่จากครอบครัวมาไกลคิดถึงพ่อแม่ที่บ้าน เพราะอยากทำการค้าของตระกูลให้มั่นคงเขาจึงยังไม่แต่งงานและไม่รับอนุภรรยา สตรีที่เขาจะแต่งงานด้วย ต้องเป็นผู้ฉลาดเฉลียวสามารถช่วยเหลือเกื้อกูลเขาได้
ที่นั่งของชายหนุ่มสามารถมองเห็นได้ทั้งถนน จิบสุราไปเรื่อยเปื่อยเฝ้ามองผู้คนกำลังใช้ชีวิตถือเป็นเรื่องหรรษาอย่างหนึ่งของเขา
พลันสายตาก็หันไปเห็นสตรีผู้หนึ่ง เพียงครู่เดียวเขาก็จำได้ทันทีว่านางเป็นใคร เสื้อคลุมสีแดงเลือดนกง่าย ๆ ด้านในเป็นชุดสีขาวเนื้อหยาบ มวยผมด้วยปิ่นไม้ ช่างเป็นสตรีที่ไม่ใส่ใจเรื่องการแต่งกายจริง ๆ
หญิงสาวที่เขาเคยพบเห็นมักจะพิถีพิถันในเรื่องการแต่งตัว ยิ่งช่วงเทศกาลที่เหมาะกับการหาคู่เช่นนี้แล้ว ยิ่งต้องแต่งตัวให้งามประดับของมีค่าหรูหรา ยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งดึงดูดใจผู้คนเท่านั้น แต่นางไม่ได้ทำเช่นนั้น
หรือว่า...นางจะยากจน? เขาคิดไปต่าง ๆ นานา
"แม่นาง" เซียวจ้าวเหอตะโกนเรียกสตรีผู้นั้นจากชั้นสองของโรงเตี๊ยม
"คุณชาย" ลู่ซีแหงนคอขึ้นไปทักทาย
"รอข้าสักครู่เดี๋ยวข้าลงไปหา" พูดไม่ทันจบประโยคเซียวจ้าวเหอก็กระโดดลงจากอาคาร
เสี่ยวจูที่ตัวใหญ่โตเอาตัวมาบังคุณหนูของเขาไว้ อย่างไม่ไว้ใจ ลู่ซีเห็นแล้วก็นึกขำท่าทางของเสี่ยวจู
"เขาเป็นสหายข้า" นางบอกแก่ขันทีหนุ่ม
"ไม่ว่าผีหรือคนก็เป็นสหายท่านหมดนั่นแหละ" เขาทำท่าส่ายหัวไปมาเดินอ้อมถอยหลังไปสองก้าวเพื่อให้พวกเขาคุยกัน
ลู่ซีไม่คิดว่าจะได้เจอเขาที่นี่ ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ
"ท่านไม่อยู่ฉลองปีใหม่ที่บ้านหรอกหรือ" นางถาม
"บ้านข้าอยู่ไกลนัก" เซียวจ้าวเหอใช้สองมือไขว้หลัง
ท่าทางของเขาสง่างาม ลู่ซีเดาเอาว่าเขาคงเป็นคุณชายตระกูลใหญ่จากเมืองหลวง
"ข้ายังไม่ทราบชื่อท่านเลย" นางเอียงคอถาม
"แนะนำตัวอย่างเป็นทางการ ข้าน้อยเซียวจ้าวเหอ เรียกข้าว่าจ้าวเหอก็ได้"
"ส่วนข้าลู่ซี แซ่ลู่ ชื่อซี เรียกอะไรก็ได้แล้วแต่ท่านจะเรียก" หญิงสาวแนะนำตัวเอง
"เสี่ยวซี ข้าน่าจะอายุมากกว่าเจ้า ขอเรียกเจ้าเช่นนั้นได้หรือไม่"
ลู่ซีพยักหน้า
เซียวจ้าวเหอผายมือให้นางเดินไปก่อน ส่วนเขาเดินตามหลัง เมื่อได้เข้าใกล้นางอีกครั้ง เขารู้สึกว่านางตัวเล็กสูงไม่เกินหัวไหล่เขา ยามพูดยามเจรจายังคงน่าฟังเช่นเคย หญิงสาวพูดคุยแนะนำสถานที่ต่าง ๆ ในเมืองให้เขารู้จัก ร้านอร่อยอยู่ตรงไหนสตรีผู้นี้ล้วนรู้จักดี
"เราไปชมเรือไฟที่ริมน้ำกันเถอะ" นางเสนอ
"แล้วแต่เจ้า" เซียวจ้าวเหอตามใจนาง
จนตอนนี้เขาจึงสังเกตว่าถุงมือกันหนาวของนางทั้งเก่าทั้งซีด เซียวจ้าวเหอจึงแกล้งขอตัวสักครู่ โฉบไปร้านขายเสื้อผ้าเพียงครู่หนึ่ง เขามองหาถุงมือที่เหมาะสมกับนาง ถุงมือสีฟ้าอ่อนประดับขนจิ้งจอกสีขาวนั่นเหมาะกับนางเหลือเกิน
ชายหนุ่มจึงเลือกมันสำหรับนาง โคมลอยฟ้าสองอันและขนมร้อน ๆ อีกสองสามอย่างก็ถูกเขาซื้อติดมือมาด้วย
ลู่ซีนั่งมองโคมไฟที่ลอยขึ้นฟ้าด้วยความรู้สึกยากจะบอก
"เสี่ยวซี" เซียวจ้าวเหอที่หอบของพะรุงพะรังย่อกายนั่งลงข้าง ๆ นาง
"ท่านหายไปนานเพราะของพวกนี้งั้นหรือ" ลู่ซียิ้มแจ่มใส
"ครั้งก่อนข้ายังไม่มีโอกาสชดเชยให้เจ้าเลย" เขาหยิบถุงมือสีฟ้าออกจากอกเสื้อยื่นให้นาง ใบหน้าพลันเขินอาย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาซื้อของขวัญให้สตรี
ไม่เพียงแค่เขาที่หน้าเปลี่ยนสี หากเงยหน้ามองนางตอนนี้เขาก็จะเห็นเช่นกันว่านางหน้าแดงขนาดไหน ถุงมือสีฟ้า แม้จะไม่ใช่คู่ที่นางหมายตา แต่นางก็รับมันเอาไว้อย่างจริงใจ เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่นางไม่ต้องรับของเหลือจากใคร
ลู่ซีรับมันมา ถอดคู่เก่าเก็บใส่อกเสื้อ และสวมคู่ใหม่ทันที
"ขอบคุณเจ้าค่ะ"
"เอ่อ เราจุดโคมกันเถอะ" ลู่ซีพยักหน้า
เสี่ยวจูที่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ นานแล้วที่ไม่เห็นการยิ้มเขินอายแบบหญิงสาวของคุณหนู หวังว่าคุณชายคนนั้นจะทำให้คุณหนูของตนมีความสุขลืมเรื่องเลวร้ายในอดีตให้ได้ในเร็ววัน
ความเหมาะสมนั้นไม่ต้องพูดถึง....
ขณะกำลังชื่นชมคู่รักยวนยางคู่ใหม่ที่ถือกำเนิดขึ้น มารผจญหน้าบอกบุญไม่รับก็เข้ามาขัดขวาง
โคมของทั้งสองถูกธนูยิงจนตกต่อหน้าต่อตา
"อุตส่าห์รีบกลับมาจากแคว้นเว่ย นึกว่าท่านจะอยู่ที่บ้านรอข้า"
พวกเขาหันไปตามเสียงของผู้มาใหม่ มือของเซียวจ้าวเหอยังกุมลู่ซีเอาไว้ เจิ้นหลินเฟิงเห็นแล้วก็มีใบหน้าเขียวคล้ำ
"น้องชายของเสี่ยวซีใช่ไหมข้าจำเจ้าได้" เซียวจ้าวเหอพยายามผูกมิตร เขาสนใจลู่ซีและหวังว่าครอบครัวของนางจะอนุญาตให้เขาใกล้ชิดนาง
เสี่ยวซีงั้นเหรอ สนิทกันจนเรียกชื่อเล่นได้แล้วเหรอ เจอกันเพียงวันเดียวเนี่ยนะ ทำไมนางถึงไว้ใจบอกชื่อเขาขนาดนั้น เจิ้นหลินเฟิงพยายามควบคุมความโกรธ
"ซีซีกลับจวน" เขาดึงแขนอีกข้างของลู่ซี แต่เซียวจ้าวเหอดึงคนตัวเล็กกลับมา
"คุณชายน้อย ดูท่าท่างท่านอารมณ์ไม่ดี กลับไปก่อนเถิดพี่สาวของเจ้าข้ากับเสี่ยวจูจะเป็นผู้พาไปส่ง" สายตาเช่นนั้นมันคือสายตาของสุนัขหวงก้าง พวกเขาไม่ใช่พี่น้องแท้ ๆ หรอกหรือ
ถ้าอยากสู้กันเพื่อนางเขาก็พร้อมลงมือเช่นกัน พบนางเพียงสองครั้งเขายอมรับเลยว่าชอบนางและอยากรู้จักให้มากกว่านี้
กระบี่ถูกชักออกมาซัดใส่เซียวจ้าวเหอแบบไม่ให้เขาได้ทันตั้งตัว เขาจึงจำเป็นต้องปล่อยมือนางและผลักออกไปให้ห่างไม่ให้คมกระบี่นั้นโดนนางบาดเจ็บ
แสงไฟกระทบกับกระบี่สว่างวาบผ่านหน้านางไป ลู่ซีหายใจแรงขึ้น เสี่ยวจูเห็นท่าไม่ดี จึงรีบนำเสื้อคลุมไปคลุมร่างนายหญิงของตนเอาไว้
"คุณชายเจิ้น ท่านลืมไปแล้วหรือว่าคุณหนูกลัวของมีคม" เสี่ยวจูตะโกนลั่นด้วยความโมโห ขันทีหนุ่มอยากถลกหนังทาเกลือคนผู้นั้นเสียจริง "ท่านมันเป็นพวกไม่รู้จักความ" เสี่ยวจูด่าไปโต้ง ๆ "กี่ปี ๆ ท่านก็ไม่รู้จักโต" พูดจบเสี่ยวจูก็อุ้มร่างที่สั่นเป็นลูกนกของคุณหนูขึ้นพาดหลังพากลับจวนทันที "คุณชายเซียวค่อยมาพบคุณหนูของข้าวันหลังนะขอรับ หากอยากพบนางสามารถไปหานางได้ที่จวนลู่จวิ้นอ๋อง"
"ขะ ข้า...."
ความโมโห ทำให้เขานำมาลงใส่คนทั้งคู่ รู้ทั้งรู้ว่านางกลัวของมีคม เขายังจะทำเช่นนั้นอีก..
ความรู้สึกผิดท่วมท้นใจของเจิ้นหลินเฟิง