webnovel

พี่สาวผู้นั้นเป็นของข้า

“ข้อขอโอกาสอีกครั้ง ขอโอกาสกลับไปแก้ไขความผิดที่กระทำต่อนางอีกสักครั้ง” ชาติที่แล้วเพราะโง่เขลาเบาปัญญาหลงเชื่อคำพูดของคนชั่ว ทำให้เขาปฏิบัติตนไร้น้ำใจต่อนาง หากมีโอกาสอีกครั้งเขาจะรักถนอมนางเพียงผู้เดียว เขาคือ เจิ้นหลินเฟิง อดีตองค์ชายรัชทายาท เพราะพระมารดาหรืออดีตฮองเฮาต้องโทษและประหารทำให้เขาถูกถอดยศ กลายมาเป็นองค์ชายธรรมดา และถูกส่งมาอยู่เมืองหน้าด่านที่ทุรกันดาร จึงทำให้พบกับลู่ซีที่นั่น สตรีทึนทึกที่อายุเลยวัยปักปิ่นไปแล้วหลายปี หน้าตาธรรมดาไม่งดงาม ในคราแรกก็รังเกียจที่ต้องให้สตรีขี้เหร่ผู้นั้นสอนหนังสือ แต่เมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกลับพบว่าลู่ซีนั้นคือสตรีผู้มีจิตใจงดงามผู้หนึ่ง และมีอดีตเรื่องความรักที่เจ็บช้ำ นางเป็นพี่สาวแสนดีที่คอยปกป้องคุ้มครองเขายามถูกคนดูแคลน รู้ตัวอีกทีนางก็เป็นมิตรภาพที่เคียงข้างช่วยเหลือให้กำลังใจเขามาตลอด แต่เพราะมารู้ทีหลังว่าบิดาของนาง เป็นผู้ที่ทำให้พระมารดาเขาต้องถูกประหารและตัวเขาต้องโทษ จากมิตรภาพจึงกลายเป็นศัตรู และไม่ใช่ว่าที่อุ้มชูเลี้ยงดูเขาไว้ในตระกูลลู่ ก็เพราะหวังผลประโยชน์จากเขาในอนาคตหรอกหรือ เพื่อกลับคืนสู่ฐานะเดิมเจิ้นหลินเฟิงจึงหลอกใช้ หาผลประโยชน์จากลู่ซีและครอบครัว และแก้แค้นนาง ทำให้นางเจ็บช้ำน้ำใจถึงที่สุด จนกระทั่งช่วงเวลาสุดท้ายถึงรู้ว่าเขาทำพลาดไปแล้ว ข้าเจิ้นหลินเฟิง ขออ้อนวอนต่อเทพเจ้ามังกร ให้มีโอกาสอีกครั้งแก้ไขเรื่องผิดพลาดทั้งหมดนี่ด้วยเถอะ

Pum_Nanth · History
Not enough ratings
45 Chs

11 ต้องใจ

ปีใหม่ปีนี้ ท่านพ่อถูกเรียกตัวด่วนกลับเมืองหลวง ส่วนเจิ้นหลินเฟิงถูกซวนผิงอี้เชิญฉลองปีใหม่ที่แคว้นเว่ย พี่ชายทั้งสองต่างก็มีครอบครัวเป็นของตัวเอง

นี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกเหงา ก่อนหน้าในจวนเจ้าเมืองต่างก็มีผู้คนมากมาย สนุกสนาน แต่วันนี้กับมีเพียงโคมไฟประดับเท่านั้นที่ดูสดใส

นี่เป็นชีวิตของสตรีที่กำลังจะถูกทอดทิ้งจากครอบครัวใช่หรือไม่ ลู่ซีไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน อนาคตหากไม่มีบิดา ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน นางจะอยู่กับใครเล่า

หญิงสาวแหงนหน้ามองท้องฟ้า สายลมหนาวพัดแผ่วเบา

ในเมื่อไม่มีใครอยู่ร่วมฉลองปีใหม่กับนาง หญิงสาวจึงชวนเสี่ยวจูไปเที่ยวเล่นในตลาด รอดูดอกไม้ไฟยามค่ำคืน

คนตัวเล็กสวมเสื้อคลุมสีเลือดนกมวยผมง่าย ๆ ใช้ถุงมือคู่เก่าเก็บโชคดีที่คืนนี้ไม่มีหิมะ ชาวบ้านในตลาดนำน้ำร้อนออกมาสาดตามถนนเพื่อละลายหิมะ สร้างความสะดวกสบายให้แก่นักท่องเที่ยว

โรงสุรา ร้านค้า ต่างคลาคล่ำไปด้วยผู้คน เซียวจ้าวเหอที่จากครอบครัวมาไกลคิดถึงพ่อแม่ที่บ้าน เพราะอยากทำการค้าของตระกูลให้มั่นคงเขาจึงยังไม่แต่งงานและไม่รับอนุภรรยา สตรีที่เขาจะแต่งงานด้วย ต้องเป็นผู้ฉลาดเฉลียวสามารถช่วยเหลือเกื้อกูลเขาได้

ที่นั่งของชายหนุ่มสามารถมองเห็นได้ทั้งถนน จิบสุราไปเรื่อยเปื่อยเฝ้ามองผู้คนกำลังใช้ชีวิตถือเป็นเรื่องหรรษาอย่างหนึ่งของเขา

พลันสายตาก็หันไปเห็นสตรีผู้หนึ่ง เพียงครู่เดียวเขาก็จำได้ทันทีว่านางเป็นใคร เสื้อคลุมสีแดงเลือดนกง่าย ๆ ด้านในเป็นชุดสีขาวเนื้อหยาบ มวยผมด้วยปิ่นไม้ ช่างเป็นสตรีที่ไม่ใส่ใจเรื่องการแต่งกายจริง ๆ

หญิงสาวที่เขาเคยพบเห็นมักจะพิถีพิถันในเรื่องการแต่งตัว ยิ่งช่วงเทศกาลที่เหมาะกับการหาคู่เช่นนี้แล้ว ยิ่งต้องแต่งตัวให้งามประดับของมีค่าหรูหรา ยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งดึงดูดใจผู้คนเท่านั้น แต่นางไม่ได้ทำเช่นนั้น

หรือว่า...นางจะยากจน? เขาคิดไปต่าง ๆ นานา

"แม่นาง" เซียวจ้าวเหอตะโกนเรียกสตรีผู้นั้นจากชั้นสองของโรงเตี๊ยม

"คุณชาย" ลู่ซีแหงนคอขึ้นไปทักทาย

"รอข้าสักครู่เดี๋ยวข้าลงไปหา" พูดไม่ทันจบประโยคเซียวจ้าวเหอก็กระโดดลงจากอาคาร

เสี่ยวจูที่ตัวใหญ่โตเอาตัวมาบังคุณหนูของเขาไว้ อย่างไม่ไว้ใจ ลู่ซีเห็นแล้วก็นึกขำท่าทางของเสี่ยวจู

"เขาเป็นสหายข้า" นางบอกแก่ขันทีหนุ่ม

"ไม่ว่าผีหรือคนก็เป็นสหายท่านหมดนั่นแหละ" เขาทำท่าส่ายหัวไปมาเดินอ้อมถอยหลังไปสองก้าวเพื่อให้พวกเขาคุยกัน

ลู่ซีไม่คิดว่าจะได้เจอเขาที่นี่ ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ

"ท่านไม่อยู่ฉลองปีใหม่ที่บ้านหรอกหรือ" นางถาม

"บ้านข้าอยู่ไกลนัก" เซียวจ้าวเหอใช้สองมือไขว้หลัง

ท่าทางของเขาสง่างาม ลู่ซีเดาเอาว่าเขาคงเป็นคุณชายตระกูลใหญ่จากเมืองหลวง

"ข้ายังไม่ทราบชื่อท่านเลย" นางเอียงคอถาม

"แนะนำตัวอย่างเป็นทางการ ข้าน้อยเซียวจ้าวเหอ เรียกข้าว่าจ้าวเหอก็ได้"

"ส่วนข้าลู่ซี แซ่ลู่ ชื่อซี เรียกอะไรก็ได้แล้วแต่ท่านจะเรียก" หญิงสาวแนะนำตัวเอง

"เสี่ยวซี ข้าน่าจะอายุมากกว่าเจ้า ขอเรียกเจ้าเช่นนั้นได้หรือไม่"

ลู่ซีพยักหน้า

เซียวจ้าวเหอผายมือให้นางเดินไปก่อน ส่วนเขาเดินตามหลัง เมื่อได้เข้าใกล้นางอีกครั้ง เขารู้สึกว่านางตัวเล็กสูงไม่เกินหัวไหล่เขา ยามพูดยามเจรจายังคงน่าฟังเช่นเคย หญิงสาวพูดคุยแนะนำสถานที่ต่าง ๆ ในเมืองให้เขารู้จัก ร้านอร่อยอยู่ตรงไหนสตรีผู้นี้ล้วนรู้จักดี

"เราไปชมเรือไฟที่ริมน้ำกันเถอะ" นางเสนอ

"แล้วแต่เจ้า" เซียวจ้าวเหอตามใจนาง

จนตอนนี้เขาจึงสังเกตว่าถุงมือกันหนาวของนางทั้งเก่าทั้งซีด เซียวจ้าวเหอจึงแกล้งขอตัวสักครู่ โฉบไปร้านขายเสื้อผ้าเพียงครู่หนึ่ง เขามองหาถุงมือที่เหมาะสมกับนาง ถุงมือสีฟ้าอ่อนประดับขนจิ้งจอกสีขาวนั่นเหมาะกับนางเหลือเกิน

ชายหนุ่มจึงเลือกมันสำหรับนาง โคมลอยฟ้าสองอันและขนมร้อน ๆ อีกสองสามอย่างก็ถูกเขาซื้อติดมือมาด้วย

ลู่ซีนั่งมองโคมไฟที่ลอยขึ้นฟ้าด้วยความรู้สึกยากจะบอก

"เสี่ยวซี" เซียวจ้าวเหอที่หอบของพะรุงพะรังย่อกายนั่งลงข้าง ๆ นาง

"ท่านหายไปนานเพราะของพวกนี้งั้นหรือ" ลู่ซียิ้มแจ่มใส

"ครั้งก่อนข้ายังไม่มีโอกาสชดเชยให้เจ้าเลย" เขาหยิบถุงมือสีฟ้าออกจากอกเสื้อยื่นให้นาง ใบหน้าพลันเขินอาย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาซื้อของขวัญให้สตรี

ไม่เพียงแค่เขาที่หน้าเปลี่ยนสี หากเงยหน้ามองนางตอนนี้เขาก็จะเห็นเช่นกันว่านางหน้าแดงขนาดไหน ถุงมือสีฟ้า แม้จะไม่ใช่คู่ที่นางหมายตา แต่นางก็รับมันเอาไว้อย่างจริงใจ เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่นางไม่ต้องรับของเหลือจากใคร

ลู่ซีรับมันมา ถอดคู่เก่าเก็บใส่อกเสื้อ และสวมคู่ใหม่ทันที

"ขอบคุณเจ้าค่ะ"

"เอ่อ เราจุดโคมกันเถอะ" ลู่ซีพยักหน้า

เสี่ยวจูที่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ นานแล้วที่ไม่เห็นการยิ้มเขินอายแบบหญิงสาวของคุณหนู หวังว่าคุณชายคนนั้นจะทำให้คุณหนูของตนมีความสุขลืมเรื่องเลวร้ายในอดีตให้ได้ในเร็ววัน

ความเหมาะสมนั้นไม่ต้องพูดถึง....

ขณะกำลังชื่นชมคู่รักยวนยางคู่ใหม่ที่ถือกำเนิดขึ้น มารผจญหน้าบอกบุญไม่รับก็เข้ามาขัดขวาง

โคมของทั้งสองถูกธนูยิงจนตกต่อหน้าต่อตา

"อุตส่าห์รีบกลับมาจากแคว้นเว่ย นึกว่าท่านจะอยู่ที่บ้านรอข้า"

พวกเขาหันไปตามเสียงของผู้มาใหม่ มือของเซียวจ้าวเหอยังกุมลู่ซีเอาไว้ เจิ้นหลินเฟิงเห็นแล้วก็มีใบหน้าเขียวคล้ำ

"น้องชายของเสี่ยวซีใช่ไหมข้าจำเจ้าได้" เซียวจ้าวเหอพยายามผูกมิตร เขาสนใจลู่ซีและหวังว่าครอบครัวของนางจะอนุญาตให้เขาใกล้ชิดนาง

เสี่ยวซีงั้นเหรอ สนิทกันจนเรียกชื่อเล่นได้แล้วเหรอ เจอกันเพียงวันเดียวเนี่ยนะ ทำไมนางถึงไว้ใจบอกชื่อเขาขนาดนั้น เจิ้นหลินเฟิงพยายามควบคุมความโกรธ

"ซีซีกลับจวน" เขาดึงแขนอีกข้างของลู่ซี แต่เซียวจ้าวเหอดึงคนตัวเล็กกลับมา

"คุณชายน้อย ดูท่าท่างท่านอารมณ์ไม่ดี กลับไปก่อนเถิดพี่สาวของเจ้าข้ากับเสี่ยวจูจะเป็นผู้พาไปส่ง" สายตาเช่นนั้นมันคือสายตาของสุนัขหวงก้าง พวกเขาไม่ใช่พี่น้องแท้ ๆ หรอกหรือ

ถ้าอยากสู้กันเพื่อนางเขาก็พร้อมลงมือเช่นกัน พบนางเพียงสองครั้งเขายอมรับเลยว่าชอบนางและอยากรู้จักให้มากกว่านี้

กระบี่ถูกชักออกมาซัดใส่เซียวจ้าวเหอแบบไม่ให้เขาได้ทันตั้งตัว เขาจึงจำเป็นต้องปล่อยมือนางและผลักออกไปให้ห่างไม่ให้คมกระบี่นั้นโดนนางบาดเจ็บ

แสงไฟกระทบกับกระบี่สว่างวาบผ่านหน้านางไป ลู่ซีหายใจแรงขึ้น เสี่ยวจูเห็นท่าไม่ดี จึงรีบนำเสื้อคลุมไปคลุมร่างนายหญิงของตนเอาไว้

"คุณชายเจิ้น ท่านลืมไปแล้วหรือว่าคุณหนูกลัวของมีคม" เสี่ยวจูตะโกนลั่นด้วยความโมโห ขันทีหนุ่มอยากถลกหนังทาเกลือคนผู้นั้นเสียจริง "ท่านมันเป็นพวกไม่รู้จักความ" เสี่ยวจูด่าไปโต้ง ๆ "กี่ปี ๆ ท่านก็ไม่รู้จักโต" พูดจบเสี่ยวจูก็อุ้มร่างที่สั่นเป็นลูกนกของคุณหนูขึ้นพาดหลังพากลับจวนทันที "คุณชายเซียวค่อยมาพบคุณหนูของข้าวันหลังนะขอรับ หากอยากพบนางสามารถไปหานางได้ที่จวนลู่จวิ้นอ๋อง"

"ขะ ข้า...."

ความโมโห ทำให้เขานำมาลงใส่คนทั้งคู่ รู้ทั้งรู้ว่านางกลัวของมีคม เขายังจะทำเช่นนั้นอีก..

ความรู้สึกผิดท่วมท้นใจของเจิ้นหลินเฟิง