webnovel

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น 'ตัวหายนะ' เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

เยวี่ยเชียนโฉว · Eastern
Not enough ratings
849 Chs

027 ลูกแก้วพลังปรารถนา

บทที่ 27 ลูกแก้วพลังปรารถนา

เกล็ดหิมะล่องลอย ทุกอย่างกลายเป็นสีขาว

นี่เป็นฤดูหนาวแรกตั้งแต่เขามาถึงถ้ำล่องนิภา ในที่สุดเหมียวอี้ก็ได้เข้าตำหนักใหญ่ล่องนิภาอีกครั้ง ครั้งนี้คนมากันพร้อมหน้าพร้อมตา ในที่สุดเขาก็ได้รู้จักกับสมาชิกถ้ำล่องนิภาทุกคน

ที่สมาชิกมากันครบ ก็เพราะว่าวันนี้ พลังปรารถนาที่เก็บรวบรวมจากเมืองล่องนิภา ได้ส่งมาให้พวกเขาแล้ว ทุกคนต้องการมารับ 'เสบียง' ในส่วนของตน คนที่เก็บตัวอยู่อย่างสันโดษก็รีบออกมาเช่นกัน

สาเหตุที่ทุกคนเต็มใจถูกควบคุม ก็เพราะเฝ้ารอวันนี้ของทุกปี

ประมุขถ้ำหยวนเจิ้งคุน ประมุขถ้ำ ประกาศต่อทุกคนเรื่องผลการเก็บเกี่ยวของเมืองล่องนิภาในปีนี้ ประชากรหนึ่งแสนกว่าคน เก็บรวบรวมลูกแก้วพลังปรารถนาได้ร้อยกว่าลูก

แปดส่วนในนั้นต้องมอบให้ผู้ที่ระดับสูงกว่า จึงเหลือไว้เพียงสองส่วนให้ถ้ำนี้ เป็นลูกแก้วพลังปรารถนาประมาณยี่สิบลูก

เหมียวอี้เคยฟังจากเหยียนซิวตั้งนานแล้ว ลูกแก้วพลังปรารถนาที่เก็บรวบรวมได้ในแต่ละปี นอกจากสองส่วนที่จะเหลือไว้สำหรับถ้ำนี้สองส่วนแล้ว ในจำนวนแปดส่วนนั้นที่เหลือก็จะแบ่งมอบแด่ประมุขขุนเขาหนึ่งส่วน ประมุขจวนหนึ่งส่วน ประมุขตำหนักหนึ่งส่วน ประมุขปราสาทหนึ่งส่วน และให้ท่านทูตอีกหนึ่งส่วน อีกสามส่วนที่เหลือต้องมอบให้ปราชญ์เซียนมู่ฝานจวินทั้งหมด

ที่อาณาบริเวณของปราชญ์เซียนอีกห้าท่านก็ทำแบบนี้เช่นกัน ถ้าใครกล้าทำลายกฎฏเกณฑ์นี้ ก็เหมือนคิดฝันลมๆ แล้งๆ อยู่ลำพัง ตายสถานเดียวแน่ท้นอน ซ้ำยังตายแบบน่าอนาถอีกด้วย จะถูกพวกเขาใช้วิธีเชือดไก่ให้ลิงดู

สรุปก็คือไม่ว่าใครจะแย่งชิงอาณาบริเวณของใครได้ ลูกแก้วพลังปรารถนาที่มอบให้เบื้องบนก็ไม่น้อยลง

สองส่วนที่เหลือไว้ให้ถ้ำนี้ เป็นลูกแก้วพลังปรารถนาประมาณยี่สิบลูก เฉาติ้งเฟิงและนักพรตระดับบงกชขาวขั้นสามอีกสามคน เป็นผู้ช่วยฝีมือดีของท่านประมุขถ้ำหยวนเจิ้งคุน จะได้รับคนละสองลูก ส่วนอีกเจ็ดคนที่เหลือรวมทั้งเหมียวอี้ จะได้รับเพียงคนละหนึ่งลูก

ผู้ที่ได้วรยุทธ์บงกชขาวขั้นสองคนอื่นๆ คงไม่สิทธิ์จะพูดอะไรได้ เหมียวอี้เองก็เช่นกัน แต่เหยียนซิวกับหลัวเจินรู้สึกคับอกคับใจเล็กน้อย เพราะทั้งสองก็เป็นนักพรตบงกชขาวขั้นสามเช่นกัน แต่ไม่มีใครสนใจความอยุติธรรมที่พวกเขาได้รับอยู่ดี จึงทำได้เพียงอดทนต่อไป

ลูกแก้วพลังปรารถนาที่เหลือสิบลูก ส่งกลับคืนประมุขถ้ำหยวนเจิ้งคุนทั้งหมด แต่ตามที่เหยียนซิวบอก ปกติแล้วประมุขถ้ำก็ไม่สามารถกลืนลงไปทั้งหมดได้ จะเหลือไว้ไม่กี่ลูกเพื่อทำเป็นของรางวัล ยกตัวอย่างเช่น คนที่ทำงานแล้วมีความดีความชอบก็ต้องได้รับรางวัล ไม่เช่นนั้นต่อไปก็จะไม่มีใครอยากทุ่มเททำงานอีก

คนส่วนใหญ่ที่ได้ 'เสบียง' มาล้วนเบิกบานใจ มีเพียงหลัวเจินที่หัวเราะไม่ออก ดูจากท่าทางอึดอัดใจของนาง คงจะได้น้อยไป

พอเหมียวอี้กลับมาถึงตำหนักฝึกตนของตน เขานั่งขัดสมาธิแล้วมองที่ลูกแก้วพลังปรารถนาขนาดเท่าเม็ดข้าวสารตรงระหว่างนิ้วของตัวเอง มันวาวใสเหมือนผลึกแก้ว เปล่งแสงสีขาวสลัวออกมา

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นว่าลูกแก้วพลังปรารถนาหน้าตาเป็นเช่นไร ตามที่เหยียนซิวบอก ลูกแก้วพลังปรารถนาที่ขนาดเท่าเม็ดข้าวสารนี้ เป็นก้อนผลึกพลังปรารถนาของสาวกหนึ่งพันคนในเวลาหนึ่งปี

ลูกแก้วพลังปรารถนาที่รวบรวมจากคนหนึ่งหมื่นคนในเวลาหนึ่งปีมีขนาดเท่าไข่มุก ถ้ารวบรวมจากหนึ่งแสนคน ก็จะมีขนาดเท่าไข่นกกระทา ในสถานการณ์ทั่วไป ลูกแก้วพลังปรารถนาที่เก็บรวบรวมได้มีขนาดใหญ่ได้มากสุดเท่ากับไข่นกกระทา จะใหญ่เกินไปไม่ได้

เหมียวอี้อดทนรอไม่ไหว อยากจะทดลองสรรพคุณของลูกแก้วพลังปรารถนาที่ตัวเองใฝ่ฝันมาแสนนาน เขาอ้าปากแล้วนำมันใส่เข้าไป จากนั้นใช้อิทธิฤทธิ์กระตุ้น

พอกลั่นกรอง เหมียวอี้สัมผัสได้ถึงความร้ายกาจของเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาที่แฝงอยู่ในลูกแก้วพลังปรารถนาทันที นี่คือจิตฟุ้งซ่านเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาขอคนหนึ่งพันกว่าคน ได้แก่ ดีใจ โกรธ เศร้า กลัว รัก เกลียด ปรารถนา และอารมณ์ด้านลบต่างๆ โจมตีจนเขาเกือบป้องกันสภาพจิตใจตนเองไว้ไม่ได้

เขาได้ขอให้เหยียนซิวสอนวิธีกลั่นกรองตั้งนานแล้ว เขาใช้อิทธิฤทธิ์ทำให้จิตฟุ้งซ่านต่างๆ กระจัดกระจายออกไปทันที แล้วแยกพลังปรารถนาที่จริงใจที่สุดออกมา เพื่อกลั่นกรองไว้ให้ตนเองใช้ พลังปรารถนาที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของมวลชนนี้ใช้เพื่อเรียกรวมจิตวิญญาณระหว่างฟ้าและดิน

ชั่วพริบตาเดียว เขาสัมผัสได้ทันทีถึงจิตวิญญาณที่ปกติแล้วต้องค่อยๆ ผ่านการกรองจากอากาศเข้าสู่ร่างกาย คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้มันจะรวมตัวกันแล้วมุ่งมาที่เขา ถูกเขาดูดซับเข้ามาเหมือนกับกระแสน้ำที่ไหลริน รวดเร็วกว่าปกติไม่รู้ตั้งกี่เท่า

เหมียวอี้สัมผัสได้ถึงอานุภาพของลูกแก้วพลังปรารถนา เขาตื่นเต้นดีใจสุดขีด มิน่าล่ะนักพรตทั่ว้วทั้งใต้หล้าถึงพากันอยากได้ลูกแก้วพลังปรารถนา มหัศจรรย์มากจริงๆ

หืม!

ระหว่างที่อยู่ในขั้นตอนกลั่นกรองลูกแก้วพลังปรารถนา เหมียวอี้ก็พบปรากฏการณ์ประหลาดเรื่องหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าวิทยายุทธ์ 'อัคนีดารา' ที่ตัวเองฝึกฝนไว้ จะสามารถเผาจิตฟุ้งซ่านในเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาของคนจำนวนมากหมดเกลี้ยงไปได้โดยตรง ไม่รู้เร็วกว่าวิธีแยกออกแล้วขับไล่ที่เหยียนซิวสอนตั้งกี่เท่า

เขากลัวว่าจะเป็นภาพลวงตา จึงทดลองใช้ทั้งสองวิธีเปรียบเทียบกัน เพื่อให้แน่ใจถึงประสิทธิภาพเหนือชั้นของ 'อัคนีดารา' อีกครั้ง

เหมีวอี้หยุดใช้อิทธิฤทธิ์อย่างรวดเร็ว เขาคายลูกแก้วพลังปรารถนาในปากออกไว้ที่ฝ่ามือ ลุกขึ้นเพื่อจะไปถามเหยียนซิวให้เข้าใจ ว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่

และตอนนี้เอง ลูกประคำสีเขียวเข้มที่ห้อยอยู่บนคอเขาก็เปล่งแสงจางๆ ออกมา

เหมียวอี้หยุดก้าวเท้า จู่ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องที่เหล่าไป๋่เคยกำชับเป็นพิเศษตั้งใจถ่ายทอดให้ครั้งแล้วครั้งเล่าตอนที่อยู่บนเกาะ

หนึ่งคือห้ามให้วิทยายุทธที่์ฝึกฝนรั่วไหลออกไป สองถ้าพบว่า 'อัคนีดารา' ทำให้เกิดเรื่องแปลกประหลาดอะไรกับพลังปรารถนาก็ห้ามแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด

เหล่าไป๋บอกว่าสาเหตุที่มหาเซียนที่เขารับใช้อยู่ถูกบังคับให้ใช้ชีวิตที่เหลือบนเกาะจนแก่ตาย ก็เพราะทำให้ความลับรั่วไหลออกไป เหมือนกับว่ามีคนต้องการบังคับให้ท่านมหาเซียนส่งมอบวิทยายุทธ์ที่ฝึกฝนให้กับเขา ส่วนสาเหตุเพราะอะไรนั้น เหล่าไป๋ไม่ทราบแน่ชัด

เหมียวอี้หัวใจเต้นแรงอยู่ครู่หนึ่ง สำนึกได้รางๆ แล้วว่าทำไมจึงมีคนบังคับมหาเซียนท่านนั้นให้ถ่ายทอดวิทยายุทธ์ออกมาให้

ตามหลักการของเหยียนซิว ดูจากวรยุทธ์ของเหมียวอี้ หากอยากจะกลั่นกรองลูกแก้วขนาดเท่าเม็ดข้าวนี้คาดว่าต้องใช้เวลาหนึ่งปี แต่ตามวิธีการที่เขาเผาเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาทิ้งไปไปเมื่อสักครู่นี้ เขาไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานเลย

หรือพูดได้อีกอย่างหนึ่งคือ ขอเพียงตนเองมีลูกแก้วพลังปรารถนาเพียงพอเพื่อนำมากลั่นกรอง แล้วอาศัยวิชาที่ตัวเองฝึกฝนมา ก็จะสามารถเพิ่มพูนวรยุทธ์ได้รวดเร็วกว่าคนอื่น…

ในความฮึกเหิมดีใจก็ยังมีความไม่แน่ใจอยู่ เขาต้องการทดลองให้แน่ใจอีกครั้ง...

สามเดือนต่อมา หิมะที่พอกพูนอยู่ในป่าเขาละลายหมดแล้ว ลูกแก้วพลังปรารถนาก็ถูกใช้ลงในปากเหมียวอี้จนหมดเช่นกัน

ไม่ต้องใช้เวลาหนึ่งปีเหมือนที่เหยียนซิวบอก เขาใช้เวลาไปเพียงสามเดือน อีกทั้งยังอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่เขาต้องหยุดพักเป็นช่วงๆ เพื่อออกไปดูแลอาชามังกรด้วย

วรยุทธ์ของเขาเองเลื่อนขั้นขึ้นเยอะมากอย่างรวดเร็ว นึกไม่ถึงเลยว่าลูกแก้วพลังปรารถนาขนาดเท่าเม็ดข้าวสารลูกเดียวจะทำให้เขาประหยัดเวลาฝึกฝนไปแล้วห้าปี

ตอนแรกเหล่าไป๋บอกว่าเขาต้องใช้เวลาถึงยี่สิบปีจึงจะก้าวสู่ระดับบงกชขาวขั้นสองได้ จนถึงตอนนี้เขาได้ฝึกฝนไปห้าหกปีแล้ว ตอนนี้ร่นเวลาให้สั้นไปได้อีกห้าปี นั่นก็หมายความว่าใช้เวลามากสุดไม่เกินสิบปี เขาก็สามารถก้าวเข้าสู่บงกชขาวขั้นสองได้แล้ว สำหรับลูกแก้วพลังปรารถนา ก็ใช้ขนาดเท่าเม็ดข้าวเพียงสองลูกเท่านั้น

เหมียวอี้รู้สึกเลือดร้อนเดือดพล่าน หากเขามีลูกแก้วอีกสองลูก ใช้เวลาเพียงหกเดือนก็เลื่อนขั้นวรยุทธ์เป็นบงกชขาวขั้นสองได้แล้ว

หลังจากที่ตื่นเต้นดีใจ เขาก็สงบลง พบว่าตัวเองคิดฝันมากไป หนึ่งปีได้รับลูกแก้วพลังปรารถนาแค่เพียงหนึ่งลูก ต้องใช้เวลาสองปีจึงจะได้สองลูกตามใจปรารถนา เวลาที่ต้องใช้เพื่อรอคอย เมื่อนำมาหักลบกับปาฏิหาริย์ของวิทยายุทธที่เขาฝึกแล้ว ก็ไม่ต่างอะไรกับการใช้เวลากลั่นกรองสองปีตามที่เหยียนซิวบอก...

ตอนที่เหมียวอี้กำลังคิดไม่ตกว่าจะได้ลูกแก้วพลังปรารถนาเพิ่มขึ้นได้อย่างไร นักพรตบงกชขาวขั้นสามอีกสองท่านของถ้ำล่องนิภา หลี่ซิ่นกับซุนเจียวเจียวขี่อาชามังกรพุ่งถลันเข้ามาที่ประตูหลัก พุ่งมาหยุดอยู่ตรงตำหนักใหญ่ล่องนิภา ทั้งสองกระโจนลงจากอาชามังกร ก่อนจะเดินหายเข้าไปในตำหนักใหญ่

"หลีกไป!" ซุนเจียวเจียวปัดหญิงรับใช้สองคนที่ออกมาต้อนรับออกไปให้พ้นทาง

ทั้งสองเหมือนจะมีเรื่องด่วน เขาไม่ไว้หน้าแม้แต่หญิงรับใช้ของท่านประมุขถ้ำหยวนเจิ้งคุน เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในสถานการณ์ปกติ

ทำให้หยวนเจิ้งคุนที่กำลังนั่งขัดสมาธิฝึกฝนอยู่ที่ตำหนักด้านหลังสะดุ้งตกใจ เขาหยุดสิ่งที่ทำอยู่แล้วยืนขึ้น เห็นทั้งสองคนถลันเข้ามาเองโดยตรง ก็พอจะเดาได้รางๆ ว่ามีเรื่องไม่ดีบางอย่าง

…………………………