webnovel

ดวงใจอสุรา

เพราะเหตุพลิกผันทำให้ มู่หรงชีชีต้องย้อนอดีตมาเป็นนางซินในยุคโบราณที่เจ้าของร่างคนเดิมถูกลงโทษด้วยกฎบ้านจนตาย แต่คิดหรือว่านางจะยอมแพ้ต่อโชคชะตานี้ แม้จะถูกพี่สาวร่วมตระกูลแย่งคู่หมั้น มิหนำซ้ำยังถูกบิดาจับคลุมถุงชนเพื่อแต่งงานแก้เคล็ด แต่ดูเถอะว่ามู่หรงชีชีคนนี้จะไม่มีวันยอมแพ้แน่นอน! เนื่องด้วยพระราชโองการจากฮ่องเต้ ทำให้มู่หรงชีชีต้องยอมอภิเษกกับ เฟิ่งชาง หนานหลินอ๋องแห่งแคว้นเป่ยโจว บุรุษที่ได้สมญานามว่า ‘อ๋องปีศาจ’ ผู้ที่มีดวงพิฆาตภรรยาอย่างไม่มีทางเลือก ทว่าใครเล่าจะรู้ว่าหนานหลินอ๋องที่นางเคยได้ยินคำล่ำลือมาว่าแสนร้ายกาจนั้นจะไม่เหมือนบุรุษตรงหน้าที่นางได้พบเลยแม้แต่น้อย ยิ่งนางได้รู้จัก นางก็ยิ่งจะหลงรักเขามากขึ้นเสียแล้ว

ล่าหมี่ทู่ · History
Not enough ratings
156 Chs

ตอนที่ 005

ตอนที่ 5 คุณหนูรองคือนักแสดงมืออาชีพ

มู่หรงซินเหลียนที่เดิมทีกำลังจะยั้งมือ แต่เมื่อนางเอามือไปแตะที่ใบหน้า ก็สัมผัสได้ถึงความอุ่นของเลือด หน้าของนางเลือดไหลอย่างนั้นหรือ ความโกรธของนางนั้นยากเกินจะบรรยาย รอยบวมจากแส้บนหน้ามู่หรงชิงเหลียนเพียงแค่ทายาก็หาย แต่แผลบนใบหน้านางนี่สิ ถ้าหากทิ้งรอยแผลเป็นไว้ นั่นหมายความว่านางต้องเสียโฉมเลยนะ

เพียงแค่คิดได้ว่ามู่หรงชิงเหลียนไม่เห็นแก่ความเป็นพี่น้อง รู้ทั้งรู้ว่านางห่วงเรื่องรูปลักษณ์มากที่สุด แต่ก็ยังจะทำให้นางเสียโฉม นางเองก็จะไม่ออมมืออีกต่อไป

มู่หรงซินเหลียนเริ่มเอาจริงขึ้นมาเสียแล้ว มู่หรงชิงเหลียนเองก็ไม่ยอมน้อยหน้า เปล่งเสียงฮึดฮัดออกมา นางก็จะเอาจริงบ้าง ในเมื่อมู่หรงซินเหลียนทำให้ใบหน้าของนางมีแผล นางก็จะทำให้มู่หรงซินเหลียนเสียโฉมบ้าง

“เคร้ง เคร้ง” นางสองคนใช้สวนชุ่ยจู๋ของมู่หรงชีชีเป็นสนามประลองไปเสียแล้ว พวกนางไปถึงที่ใด ที่นั่นก็พังลงอย่างไม่เหลือชิ้นดี

“อย่านะ! สวนชุ่ยจู๋ของข้า! พวกเจ้าหยุดได้แล้ว!”

เสียงคร่ำครวญของมู่หรงชีชีลอยมาเข้าหูพวกนางไม่หยุด ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งรำคาญ ยิ่งทำให้พวกนางลงมือกันรุนแรงขึ้นไปอีก สวนก็โดนพังหนักมากกว่าเดิม

อีกฟากหนึ่ง มู่หรงชีชีเพิ่งจะแยกเฟ่ยชุ่ยและเจินจูออกจากกันได้อย่างยากลำบาก “พวกเจ้ารีบไปห้ามนางสองคนสิ บอกพวกนางให้หยุดตีกันได้แล้ว!”

สภาพของมู่หรงชีชีในตอนนี้ช่างน่าสงสารยิ่งนัก สีหน้าท่าทางก็แสดงออกมาได้อย่างไม่มีที่ติ เฟ่ยชุ่ยและเจินจูได้เห็นก็รู้สึกไม่พอใจ ในใจก็คิดว่าคุณหนูสามนี่ช่างไม่เอาไหนเสียจริงๆ

“คุณหนูสามเจ้าคะ เรื่องของนายจะให้บ่าวอย่างข้าเข้าไปยุ่งได้อย่างไร” เฟ่ยชุ่ยถลึงตาใส่เจินจู จัดผมจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย “คุณหนูก็ยืนให้ห่างๆ เสียหน่อย มีดดาบมันไม่มีตา ระวังจะเจ็บตัวเอานะเจ้าคะ”

“ตะ…แต่ว่า ปล่อยให้พวกนางตีกันอย่างนี้ ข้ากลัวว่าถ้าท่านพ่อรู้เข้าจะต้องโกรธแน่ๆ” มู่หรงชีชีก้มหน้าลง มือเล็กๆ ของนางดึงผ้าเช็ดหน้าบิดไปมา “หากท่านพ่อไต่ถามขึ้นมา ถึงเวลานั้นพวกเจ้าจะโดนลงโทษไปด้วยนะ”

เพียงคำพูดที่เอ่ยออกไปอย่างสุภาพของมู่หรงชีชี แต่เมื่อเฟ่ยชุ่ยและเจินจูได้ฟัง พวกนางกลับฉุกคิดขึ้นมาได้

ใช่สิ วันนี้คุณหนูรองกับคุณหนูสี่ทะเลาะกันหนักขนาดนี้ อย่างไรเสียมู่หรงไท้ก็ไม่มีทางต่อว่าคุณหนูทั้งสอง แต่ความรับผิดชอบทั้งหมดจะตกอยู่ที่บ่าวเช่นพวกนาง ถึงเวลานั้นคนที่จะลำบากก็คือตัวพวกนางเอง

เมื่อคิดได้เช่นนั้น เฟ่ยชุ่ยกับเจินจูก็เดินออกจากสวนชุ่ยจู๋ตามๆ กันไป เพื่อรีบไปตามคนมาช่วย นางสองคนรีบร้อนเสียจนไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มไม่ปกติที่มุมปากของมู่หรงชีชี

“ซูเหมย ซู่เยว่ ดูต้นทางดีๆ”

คำสั่งสั้นๆ ของมู่หรงชีชี แต่ซูเหมยและซู่เยว่กลับรู้ดีว่าคุณหนูกำลังจะแกล้งคน เช่นนั้นจึงรีบดูต้นทางให้นางทันที ดีที่สวนชุ่ยจู๋ค่อนข้างจะห่างไกล อีกทั้งมีนางสองคนดูอยู่ ตอนนี้เฟ่ยชุ่ยกับเจินจูก็ออกไปแล้ว ที่นี่ก็เหลือแค่เพียงห้าคนเท่านั้น

มู่หรงซินเหลียนกับมู่หรงชิงเหลียนกำลังตีกันชุลมุุน ไม่มีเวลาที่จะมาสนใจมู่หรงชีชี ยิ่งไม่มีทีท่าจะรับรู้ถึงบรรยากาศรอบกายที่แปลกไปแม้แต่น้อย

เสียงแหลมเล็กถูกปล่อยออกมาจากริมฝีปากของมู่หรงชีชี เมื่อมู่หรงซินเหลียนและมู่หรงชิงเหลียนได้ยินเสียงของนาง พวกนางก็ราวกับว่าได้รับคำสั่ง ดวงตาของพวกนางค่อยๆ กลายเป็นสีแดง ความไม่พอใจและความริษยาทั้งหมดทั้งมวลที่มีต่อฝั่งตรงข้ามเปรียบดั่งฟืนชั้นดีที่จะทำให้เปลวไฟนั้นยิ่งโหมกระหน่ำ

“ลงมือเลย” มู่หรงชีชีเผยยิ้มออกมาเล็กน้อย เมื่อหันไปดูอีกครั้ง ดวงตาของมู่หรงซินเหลียนกับมู่หรงชิงเหลียนก็กลับมาเป็นปกติเสียแล้ว แต่กระบวนท่าในการต่อสู้กลับหนักหน่วงยิ่งขึ้น ทุกกระบวนท่าล้วนแต่จะเอาชีวิตของอีกฝั่งให้ได้

ความอิจฉาริษยาความเกลียดชัง จุดเริ่มต้นของความชั่วร้ายทั้งหลาย! มู่หรงชีชีนั่งพิงเก้าอี้โยก มองดูสองคนที่กำลังรบราฆ่าฟันกันอย่างสุขสบายใจ

หากภายในใจของพวกเจ้าไร้ซึ่งความเคียดแค้น ก็จะไม่มีโอกาสให้ข้าได้ฉกฉวย ทุกอย่างที่พวกเจ้าเคยติดค้างร่างนี้ไว้ วันนี้พวกเจ้าก็จงชำระคืนให้หมดเสียเถอะ

มู่หรงไท้เดินเข้ามาอย่างรีบร้อน ยังไม่ทันที่จะถึงสวนชุ่ยจู๋ กลับได้น้ำยินเสียงอ่อนแอน่าสงสารของมู่หรงชีชีลอยออกมา “พี่รอง น้องสี่ พอได้แล้ว! พวกเราต่างก็เป็นพี่น้องกัน มีอะไรเหตุใดไม่พูดจากันดีๆเล่า พี่รอง อย่านะ โอ๊ย......”

เมื่อมู่หรงไท้รีบพุ่งเข้าไป ก็เห็นว่ามู่หรงชีชีล้มอยู่บนพื้น มือกุมหน้าอกหอบหายใจ มู่หรงซินเหลียนกำลังจ้องไปยังมู่หรงชีชีอย่างกราดเกรี้ยว “นังคนไร้ประโยชน์ บอกว่าไม่ต้องมายุ่ง! วันนี้ข้าจะฆ่านังสารเลวนี่ ถ้าหากยังยุ่งไม่เข้าเรื่องข้าจะฆ่าเจ้าอีกคน!”

“พวกเจ้าไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาเลยใช่หรือไม่!” มองเห็นบุตรสาวทั้งสองผมเผ้ารุงรัง ร่างกายมีแต่คราบเลือด ก็ทำเอามู่หรงไท้แทบจะหน้ามืด

ก่อนหน้านี้มู่หรงไท้กำลังต้อนรับหลี่อวิ๋นชิงคุณชายใหญ่แห่งตระกูลหลี่ แต่คาดไม่ถึงว่าเฟ่ยชุ่ยกับเจินจูจะบุกเข้าไป ร้องขอให้ช่วยชีวิตคุณหนูที่ตัวเองรับใช้อยู่ ทำเอาเขารู้สึกโกรธจัด ตอนนี้เขามาถึงสวนชุ่ยจู๋ เห็นสภาพสวนที่พังยับเยิน หันไปมองบุตรสาวทั้งสองคนสภาพยิ่งดูไม่ได้ เขาก็ยิ่งโกรธเข้าไปอีก

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” มู่หรงไท้ตะโกนออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว มือซ้ายคว้าแส้ของมู่หรงซินเหลียนเอาไว้ ส่วนมือขวาก็จับดาบอ่อนของมู่หรงชิงเหลียน ในที่สุดสองคนที่กำลังต่อสู้กันอย่างเมามันถึงได้หยุดลง

“ท่านพ่อ!” มู่หรงชิงเหลียนเมื่อเห็นว่าเป็นมู่หรงไท้ ดวงตาของนางก็ร้อนผ่าวขึ้นมา น้ำตาไหลเป็นสาย “ท่านพ่อ ท่านดูใบหน้าของข้า! ข้าถูกนางทำให้เสียโฉมแล้ว! ท่านพอต้องให้ความยุติธรรมกับข้านะเจ้าคะ!”

มู่หรงชิงเหลียนรีบฟ้องมู่หรงไท้อย่างทันที เมื่อมู่หรงซินเหลียนเห็นดังนั้นก็โกรธจนแทบกระอักเลือดออกมา นางกำลังคิดคำแก้ตัว แต่ก็หันไปเห็นหลี่อวิ๋นชิงที่ยืนอยู่ไม่ไกล เมื่อเห็นว่ามีคนนอกอยู่ด้วย นางก็ทำตัวเป็นหญิงสาวผู้เรียบร้อยอ่อนหวานขึ้นมาในทันที ไม่พูดแก้ตัว ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาหยดแล้วหยดเล่า

อัจฉริยะจริงๆ! มู่หรงชีชีเมื่อเห็นท่าทางเป็น “นางเอกผู้ถูกกระทำ” ของมู่หรงซินเหลียน นางก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมในการแสดงของนาง นี่ถ้าเป็นศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดนะ มู่หรงซินเหลียนจะต้องได้รับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมเป็นแน่แท้

ถ้าไม่ติดว่าเธอต้องแสดงเป็นคุณหนูสามผู้น่าเวทนา โดนถีบเข้าที่อก เธอคงอดไม่ได้ที่จะเข้าไปจับมือมู่หรงซินเหลียน แล้วมอบ “รางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยม” ให้นาง

“ท่านพ่อ เป็นพี่รองที่ทำข้าก่อน! นางอิจฉาที่ข้าฝึกวรยุทธ์ไปถึงขั้นสี่แล้ว!” มู่หรงชิงเหลียนไม่ได้รับรู้เลยว่ามู่หรงไท้กำลังไม่ชอบใจ กลับดึงแขนของเขาขึ้นมา รบเร้าออดอ้อนไม่หยุด “ท่านพ่อ พี่รองทำร้ายข้า ท่านต้องลงโทษให้นางคุกเข่าที่ศาลบรรพบุรุษ!”

มู่หรงซินเหลียนรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่ามู่หรงไท้กำลังโกรธจัด แต่นางจะออดอ้อนออเซาะอย่างมู่หรงชิงเหลียนไม่ได้

มู่หรงชิงเหลียนมีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้ อายุเพียงแค่สิบสี่ปีก็สามารถฝึกวรยุทธ์ไปถึงขั้นสี่แล้ว ในอาณาจักรที่ยกย่องผู้มีวรยุทธ์เช่นนี้ นางมีสิทธิ์ที่จะทะนงตัว อีกทั้งมารดาของนางหลิวเยียนจือยังให้กำเนิดมู่หรงจวิ้น บุตรชายเพียงคนเดียวของตระกูลมู่หรง นางมีพี่ชายคอยปกป้อง นางจึงสามารถพูดจาออดอ้อนเช่นนี้กับมู่หรงไท้ได้

เมื่อคิดได้เช่นนั้น มู่หรงซินเหลียนก็คุกเข่าลงตรงหน้าของมู่หรงไท้ “ท่านพ่อ ข้าผิดไปแล้ว! แต่เดิมข้าเพียงแค่อยากล้อน้องสี่เล่น แต่ใครเลยจะรู้ว่ามันจะเลยเถิดไปขนาดนี้ รบกวนไปถึงท่านพ่อ มันเป็นความผิดของข้าเองเจ้าค่ะ!”

บุตรสาวสองคนแห่งตระกูลมู่หรง คนหนึ่งถูกตามในจนนิสัยเสีย อีกคนหนึ่งสุภาพอ่อนโยน นี่คือสิ่งที่มู่หรงซินเหลียนอยากให้เป็น มู่หรงชิงเหลียนยิ่งเอาแต่ใจ ยิ่งทำให้ทุกคนเห็นถึงความเรียบร้อยอ่อนหวานของนางได้อย่างแจ่มชัดยิ่งขึ้น ไม่เพียงแค่มู่หรงไท้เท่านั้นที่จะคิดเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็รับรู้ได้อย่างชัดเจน