เมื่อครอบครัวของนิมนิม เดินทางกลับจากการไปเที่ยวพักผ่อนช่วงปิดเทอม
ที่เกาะเต่าในช่วงกลางปีพุทธศักราช 2563 นั้น ดูเหมือนว่า นั่นคือ
การไปชาร์ตพลัง! ครั้งสุดท้ายของทุกคนในครอบครัวหลังจากการเสียชีวิต
ของคุณพ่อในช่วงต้นปีเดียวกันนี้ พึ่งจะผ่านพ้นไป
คุณแม่ของนิมนิม ซึ่งเป็นผู้ป่วยนอนติดเตียงถึง 4 ปีแล้ว
ท่านจะมีผู้ดูแลพิเศษตลอด 24 ชั่วโมงในช่วงที่ลูก ๆ หลาน ๆ ทุกคนออกเดินทาง
ไปพักกายพักใจจากความเศร้าโศกครั้งใหญ่ เพราะสูญเสียเสาหลักของครอบครัว
คือ "คุณตาของหลานชายทั้งสาม" เนื่องจากหลอดเลือดในสมองแตกกระทันหัน!!
เมื่อนิมนิมกลับถึงบ้าน เธอมีหน้าที่ตามปกติคือการดูแลมารดาแทนผู้ดูแลพิเศษ
ที่ต้องจ้างเป็นครั้งคราว เท่านั้น นิมนิมเต็มใจทำหน้าที่นี้ต่อบุพพการี
เพราะเธอต้องการทำหน้าที่ลูกกตัญญูที่รู้กตเวทิตาคุณต่อบิดามารดาอย่างดีที่สุด
ถึงแม้ว่า การทุ่มแทแรงกายแรงใจเฝ้าปรนนิบัติดูแลผู้ป่วยติดเตียงระยะยาว เช่นนี้
จะทำให้สุขภาพร่างกายของเธอทรุดโทรมลงทุกวัน เนื่องเพราะตั้งแต่นิมนิม
ประสบอุบัติเหตุตกรถเมล์จนเลือดคั่งในสมองเมื่อเดือนพฤษภาคม พุทธศักราช 2554
เป็นต้นมานั้น แม้ว่าดูจากภายนอก หญิงสาววัย 51 ปีจะดูเหมือนคนปกติ
ที่มีอายุไม่น่าจะเกิน 30 ปีรวมทั้งดูท่าทางมีสุขภาพที่ดี
แต่ นิมนิม รู้ดีแก่ใจตนเองว่าเธอไม่ได้แข็งแรงในระบบร่างกายภายใน
เฉกเช่นเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว!!! ทั้งหมดที่ได้เกิดขึ้นแก่เธอนั้น
เธอมักจะทราบล่วงหน้าจากการทำสมาธิภาวนาทุกคืน ก่อนนอน
แล้วดวงจิตอันเป็นทิพย์(กระแสพลังงานบวก) ของพ่อแม่ครูบาอาจารย์
ที่ท่านเหลือเพียงดวงจิตหรือกายทิพย์ เท่านั้น ก็มักจะมาแจ้งข่าวสำคัญล่วงหน้า
แก่เธอเสมอ เพื่อให้เธอเตรียมพร้อมสำหรับการรับวิบากรรมเก่าในอดีต
ที่ติดตามมาแสดงผลทันในชาตินี้
นิมนิม เป็นศิษยานุศิษย์ผู้หนึ่งของ พระเดชพระคุณ "พระธรรมสิงหบุราจารย์"
(หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม) ซึ่งเป็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์ของพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย
ท่านเป็นพระภิกษุที่มีปฏิปทาจริยาวัตรที่งดงาม เป็นพระสุปฏิปันโนซึ่งหาได้ยากยิ่ง
และท่านได้สร้างความดีไว้มากมายเป็น "แบบอย่างที่ดี" ของศิษยานุศิษย์ทุกหมู่เหล่า
นิมนิม ได้อาศัยซึ่ง "หลักธรรมคำสอน" ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
เป็น "แนวทาง" ให้นำมาประพฤติปฏิบัติให้รู้แจ้งเห็นจริงตามมรรคธรรม
ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงช่วยทำให้เธอสามารถ อดและทน
อยู่กับ ความทุกข์ยากลำบากแสนสาหัสนานาประการ ที่ประดังเกิดขึ้น
ในชีวิตของเธอระลอกแล้วระลอกเล่า จนผ่านพ้นมาได้
คำกล่าวที่ว่า :
" คาถาบทเดียวที่บุคคลฟังแล้วสงบระงับได้
ย่อมประเสริฐกว่าคาถาแม้ตั้งพัน แต่ไม่มีบทอันเป็นประโยชน์เลย "
สำหรับนิมนิมแล้ว มันยิ่งใหญ่ ลึกซึ้ง และมีพลังอันแข็งแกร่งต่อการดำเนินชีวิต
ในแต่ละวันของเธออย่างมากมาย ทว่า! เมื่อเกิดเป็นมนุษย์บนโลกใบนี้ ไม่ว่าใคร
ย่อมหนีไม่พ้นสัจธรรมแห่งความเท่าเทียมกัน นั่นก็คือ ความไม่เที่ยง!!
วันหนึ่ง ขณะที่นิมนิมกำลังยืนอยู่ข้างเตียงพยาบาลของมารดา เพราะเธอกำลังอาบน้ำ
และเช็ดตัวให้แม่ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียงอยู่นั้น เธอรู้สึกตัวเย็นวูบขึ้นมากระทันหัน
จากปลายเท้า ปลายนิ้ว แล่นขึ้นสู่ร่างกาย!!!!
"สัญญาณอันตรายของชีพจรชีวิตที่กำลังแปรปรวน!!! "
นิมนิม คิดด้วยความรู้ในสังขารของตนเอง เธอมีเวลาไม่ถึง 10 นาทีเท่านั้น
สำหรับการช่วยเหลือตนเองให้ปลอดภัยมากที่สุด จากการช๊อค! หมดสติ!
และอาจล้มลงกระทันหันจนศีรษะฟาดพื้น!!
" ลูกครับ น้องณิวครับ รีบออกไปเรียกพี่พรและพี่ภา
มาอาบน้ำให้คุณยายต่อไวๆ เลยครับ!! แม่..จะช๊อค!! "
นิมนิม รีบหันไปบอกลูกชายคนเล็ก ผู้ซึ่งนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์
เรียนออนไลน์ในห้องนอนของคุณยาย เพื่อคอยอยู่เป็นเพื่อนแม่ในการ
เฝ้าดูแลคุณยายซึ่งป่วยหนักให้รู้สึกถึงความอบอุ่นจากลูกหลานภายในบ้าน
ณิว เด็กชายรูปร่างผอมสูงอายุ 16 ปี ซึ่งเป็นบุตรชายคนเล็กที่สุดของนิมนิม
รีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปบอกญาติให้เข้ามาช่วยทันที นิมนิม พยายามตั้งสติ
ไว้ที่บริเวณลิ้นปี่ แล้วค่อย ๆ เดินกำหนดสติ มือแตะข้างฝาผนังห้อง
เพื่อไปให้ถึงที่นอนแบบปูบนพื้น ซึ่งถูกปูเอาไว้ถัดจากด้านปลายเตียงพยาบาล
ของผู้เป็นมารดาของเธอ เมื่อถึงที่นอนเธอค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่งเหยียดขา
ในท่าหลังพิงฝา เธอใช้มือเอื้อมไปหยิบขวดยาดมสมุนไพรทรงกลมมาเปิดฝา
สูดดมพร้อม ๆ กับหลับตาลง ทำสมาธิเพื่อหายใจเข้า... ออก... อย่างช้า ๆ
ตามที่เคยฝึกฝนอยู่ทุกวัน มาตลอดตั้งแต่เธออายุได้ 16 ปี
" ทุกคน ควรฝึกและเตรียมความพร้อม
สำหรับ การเตรียมตัวตาย
ก่อนตายจริง เอาไว้ให้ชำนิชำนาญ
เพราะสุดท้ายของลมหายใจ แล้วนั้น
เราจะเหลือเพียงตัวของเราเอง และ สติ
เท่านั้นที่เป็นเพื่อนตายที่แท้จริง!! "
เมื่อน้องสาวบุญธรรมและแฟนสาวของเธอ (พวกเขาเป็นคู่รัก LGBT )
เข้ามาดูแลคุณแม่แทนนิมนิมแล้ว นิมนิม ขอให้ณิวหยิบถุงยาประจำตัว
ซึ่งได้รับมาจากโรงพยาบาล มาให้แก่เธอ ๆ ค้นหายาที่ต้องรับประทานในยามฉุกเฉิน
เมื่อลูกชายคนเล็กตักน้ำดื่มมายื่นให้ นิมนิมจึงทานยา แล้วหลับตาสูดดมยาดม
สมุนไพรต่อไป พร้อม ๆ กับการทำภาวนาในท่านั่งพิงฝาผนังโดยตรึกถึง
"พระพุทธเจ้า เป็นที่พึ่งที่ระลึกสูงสุด" ทุกลมหายใจ.....เข้า...... ออก......."
ธรรมะคำสอนสำคัญ ของ พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม
ดังแว่วอยู่ในจิตใจของนิมนิม เธอผู้อุทิศชีวิตเพื่อพระพุทธเจ้าและพระพุทธศาสนา
อย่างแท้จริง! หลังจากที่เธอได้รับอิสระภาพจากการขอหย่าร้างแยกทาง
แยกการใช้ชีวิตกับอดีตสามีหรือคุณพ่อ ผู้ให้กำเนิดลูกชายที่แสนน่ารักทั้งสามคน
ของเธอ นั่นเอง นิมนิม พยายามทำทุก ๆ วันของชีวิตที่เหลืออยู่ตามคำสอน
ของหลวงพ่อฯ ผู้เป็นพระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐานธุระของเธอในชาตินี้
เธอ อธิษฐานทุกวันเรื่อยมา ว่า : ขอให้เธอได้ทำหน้าที่ลูกกตัญญูต่อบุพพการี
อย่างดีที่สุด!!! ซึ่งในช่วง 9 ปีที่เธอตัดสินใจลาออกจากงาน
แล้วกลับมาอยู่บ้านตามที่มารดาและน้องชายได้ขอให้เธอตัดสินใจ
ลาออกจากงานฝ่ายบริหารฯ ที่กรุงเทพฯเมื่อช่วงปลายปีพุทธศักราช 2554
แล้วย้ายกลับขอนแก่นมาอยู่ที่บ้านของน้องชาย เพื่อเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนลูก ๆ
ตั้งแต่นั้นมาจนวันนี้ นิมนิมจึงได้ทำหน้าที่ในฐานะลูกที่ดีคนหนึ่ง
ต่อบิดามารดา ผู้เจ็บป่วย มีโรคประจำตัว พิการ และช่วยตนเองไม่ได้
ในขณะที่นิมนิม กำลังหลับตาภาวนาจิตด้วยการดูลมหายใจของตนเอง
โดยเธออยู่ในท่านั่งพิงผนังห้อง ขาเหยียดยาวไปบนที่นอน
ที่ซึ่งปูแบบเรียบง่ายบนพื้นปูน เยื้องมาจากปลายเตียงพยาบาล
ของผู้เป็นมารดา พลัน!!!!! จิตของเธอมองเห็นแสงสว่างสีขาวเหลืองทองอร่าม!!!!!!!!!
แผ่กระจายจากบนหลังคาบ้าน ทะลุลงมาอยู่เหนือลำตัวของเธอขึ้นไปจากพื้น
ประมาณ 4 ช่วงแขน
ณ ใจกลาง ของแสงรัศมีที่งดงามเกินกว่าจะอธิบายให้ผู้ใดเข้าใจได้นี้
นิมนิม มองเห็นใบหน้าของ พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ฯ เพียงครึ่งกาย
คือเห็นเพียงใบหน้าลงมาจนถึงช่วงไหล่ของหลวงพ่อฯ ท่านจ้องมอง
มาที่นิมนิมผู็เป็นศิษย์ ด้วยจิตอันมีพลังบุญเจิดจ้าสุดประมาณ
" อดทน และทำให้เต็มความสามารถนะหนู มีเวลาอีกไม่มากแล้ว
สิ่งใดมที่ตั้งใจ ขอจงอย่าย่อท้อ เมื่อเวลาผ่านพ้นไป
ไม่อาจหวนย้อนคืนมาได้ใหม่ จะได้ไม่ต้องมาเสียอกเสียใจในภายหลัง
ทุกคน มีกรรมของตนเอง หนูจงทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด
คือสุดกำลังกาย สุดกำลังใจ แต่ก็ต้องปล่อยวาง ไปพร้อม ๆ กัน ให้ได้ด้วยนะ "
หลวงพ่อจรัญฯ ยิ้มน้อย ๆ ตามแบบของพระภิกษุผู้มีจริยาวัตร
ปฏิบัติอันสำรวมอยู่เสมอ ก่อนที่ภาพและแสงรัศมีทั้งหมด
จะค่อย ๆ เลือนหาย... วับ! ไปในจิต
นิมนิม กำหนดสติ ตั้งอกตั้งใจรับฟังทุกถ้อยคำ
ของหลวงพ่อจรัญฯ น้ำตาแห่งความเศร้าใจและปิติใจ
ผสมปนกันในอก หลั่งไหลออกมา หยาดลงทั้งสองข้างของหางตา
ที่หลับพริ้มอยู่นั้น เธอค่อย ๆ ยกมือขึ้นพนมมือ แล้วยกขึ้นเหนือศีรษะ
ของตนเอง 3 ครั้ง เพื่อแสดงความเคารพนอบน้อมนมัสการ
ต่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญฯ หนึ่งในพระอริยะสงฆ์
ผู้สมควรแก่การเคารพกราบไหว้ ในจำนวนพระภิกษุสงฆ์
เพียงไม่กี่รูป ในประเทศไทย ยุคพุทธศักราช 2563 นี้