webnovel

ข้ามมิติรักแท้ทะลุออนไลน์

เรื่่องราวของสาวโสดมนุษย์แม่ลูกสามอายุห้าสิบสองปีที่เธอได้รับพรจากพระโพธิสัตว์กวนอิมเมื่อเพียรบำเพ็ญศีลและธรรมจนบรรลุตอนอายุสามสิบห้าปี พรคือยิ่งแก่เธอจะยิ่งสาวขึ้น กับพระเอกละครไทยชื่อดังอายุสี่สิบสี่ปีที่ยังโสดเพราะรอคอยรักแท้ หลังจากแม่ของเธอตายเมื่อสองปีก่อนทั้งสองมักฝันว่าอยู่ด้วยกันแบบคู่รักเสมอๆทั้งที่ไม่เคยพบกันพวกเขาจึงไม่สามารถติดตามหากันได้ จนกระทั่งเขาประกาศผ่านสื่อออนไลน์ให้หญิงสาวที่ชอบเขาจีบเขาก่อนได้เขาอยากสร้างครอบครัวแล้ว เธอถูกดวงวิญญาณของแม่ชักนำให้พิมพ์ใบสมัครส่งไปถึงDMส่วนตัวของเขาในคืนฮาโลวีนซึ่งสะดุดตาเขาให้กดอ่านจนจบแล้วตามหาเธอเจอเพจของเธอ โดยเขาคิดว่าเธอเป็นหญิงสาวอายุน้อยกว่าเขามีเสน่ห์น่าสนใจมากเขาจึงเฝ้าติดตามดูเธอเงียบๆ ส่วนเธอก็สนทนากับเขาทุกวันโดยการเล่าและบ่นเรื่องต่างๆให้เขาฟังทำให้เขามีความสุขและชอบเธอมากจึงสร้างเพจปลอมเป็นผู้หญิงเพื่อขอเป็นเพื่อนและสนทนาเรื่องเป็นแฟนคลับของเขากับเธอเสมอ เรื่องราวของคนทั้งคู่ที่อยู่คนละมิติสังคมแต่เชื่อมโยงกันได้จริงในเวลานอนหลับลึก แต่กว่าจะได้พบกันผ่านการพิสูจน์รักแท้ที่เชื่อมต่อมาจากอดีตชาติเรื่องชุลมุนวุ่นวายสุดที่จะคาดเดาได้จึงเกิดขึ้นมากมาย พวกเขาใช่คู่แท้ทางจิตวิญญาณที่เฝ้ารอคอยกันจริงหรือไม่โปรดติดตาม,,,,,,

DaoistD7FIet · Fantasy
Not enough ratings
53 Chs

ข้ามมิติรักแท้ทะลุออนไลน์ : ตอนที่ 22 เครื่องหมายของคนดี

เมื่อครอบครัวของนิมนิม เดินทางกลับจากการไปเที่ยวพักผ่อนช่วงปิดเทอม

ที่เกาะเต่าในช่วงกลางปีพุทธศักราช 2563 นั้น ดูเหมือนว่า นั่นคือ

การไปชาร์ตพลัง! ครั้งสุดท้ายของทุกคนในครอบครัวหลังจากการเสียชีวิต

ของคุณพ่อในช่วงต้นปีเดียวกันนี้ พึ่งจะผ่านพ้นไป

คุณแม่ของนิมนิม ซึ่งเป็นผู้ป่วยนอนติดเตียงถึง 4 ปีแล้ว

ท่านจะมีผู้ดูแลพิเศษตลอด 24 ชั่วโมงในช่วงที่ลูก ๆ หลาน ๆ ทุกคนออกเดินทาง

ไปพักกายพักใจจากความเศร้าโศกครั้งใหญ่ เพราะสูญเสียเสาหลักของครอบครัว

คือ "คุณตาของหลานชายทั้งสาม" เนื่องจากหลอดเลือดในสมองแตกกระทันหัน!!

เมื่อนิมนิมกลับถึงบ้าน เธอมีหน้าที่ตามปกติคือการดูแลมารดาแทนผู้ดูแลพิเศษ

ที่ต้องจ้างเป็นครั้งคราว เท่านั้น นิมนิมเต็มใจทำหน้าที่นี้ต่อบุพพการี

เพราะเธอต้องการทำหน้าที่ลูกกตัญญูที่รู้กตเวทิตาคุณต่อบิดามารดาอย่างดีที่สุด

ถึงแม้ว่า การทุ่มแทแรงกายแรงใจเฝ้าปรนนิบัติดูแลผู้ป่วยติดเตียงระยะยาว เช่นนี้

จะทำให้สุขภาพร่างกายของเธอทรุดโทรมลงทุกวัน เนื่องเพราะตั้งแต่นิมนิม

ประสบอุบัติเหตุตกรถเมล์จนเลือดคั่งในสมองเมื่อเดือนพฤษภาคม พุทธศักราช 2554

เป็นต้นมานั้น แม้ว่าดูจากภายนอก หญิงสาววัย 51 ปีจะดูเหมือนคนปกติ

ที่มีอายุไม่น่าจะเกิน 30 ปีรวมทั้งดูท่าทางมีสุขภาพที่ดี

แต่ นิมนิม รู้ดีแก่ใจตนเองว่าเธอไม่ได้แข็งแรงในระบบร่างกายภายใน

เฉกเช่นเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว!!! ทั้งหมดที่ได้เกิดขึ้นแก่เธอนั้น

เธอมักจะทราบล่วงหน้าจากการทำสมาธิภาวนาทุกคืน ก่อนนอน

แล้วดวงจิตอันเป็นทิพย์(กระแสพลังงานบวก) ของพ่อแม่ครูบาอาจารย์

ที่ท่านเหลือเพียงดวงจิตหรือกายทิพย์ เท่านั้น ก็มักจะมาแจ้งข่าวสำคัญล่วงหน้า

แก่เธอเสมอ เพื่อให้เธอเตรียมพร้อมสำหรับการรับวิบากรรมเก่าในอดีต

ที่ติดตามมาแสดงผลทันในชาตินี้

นิมนิม เป็นศิษยานุศิษย์ผู้หนึ่งของ พระเดชพระคุณ "พระธรรมสิงหบุราจารย์"

(หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม) ซึ่งเป็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์ของพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย

ท่านเป็นพระภิกษุที่มีปฏิปทาจริยาวัตรที่งดงาม เป็นพระสุปฏิปันโนซึ่งหาได้ยากยิ่ง

และท่านได้สร้างความดีไว้มากมายเป็น "แบบอย่างที่ดี" ของศิษยานุศิษย์ทุกหมู่เหล่า

นิมนิม ได้อาศัยซึ่ง "หลักธรรมคำสอน" ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ

เป็น "แนวทาง" ให้นำมาประพฤติปฏิบัติให้รู้แจ้งเห็นจริงตามมรรคธรรม

ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงช่วยทำให้เธอสามารถ อดและทน

อยู่กับ ความทุกข์ยากลำบากแสนสาหัสนานาประการ ที่ประดังเกิดขึ้น

ในชีวิตของเธอระลอกแล้วระลอกเล่า จนผ่านพ้นมาได้

คำกล่าวที่ว่า :

" คาถาบทเดียวที่บุคคลฟังแล้วสงบระงับได้

ย่อมประเสริฐกว่าคาถาแม้ตั้งพัน แต่ไม่มีบทอันเป็นประโยชน์เลย "

สำหรับนิมนิมแล้ว มันยิ่งใหญ่ ลึกซึ้ง และมีพลังอันแข็งแกร่งต่อการดำเนินชีวิต

ในแต่ละวันของเธออย่างมากมาย ทว่า! เมื่อเกิดเป็นมนุษย์บนโลกใบนี้ ไม่ว่าใคร

ย่อมหนีไม่พ้นสัจธรรมแห่งความเท่าเทียมกัน นั่นก็คือ ความไม่เที่ยง!!

วันหนึ่ง ขณะที่นิมนิมกำลังยืนอยู่ข้างเตียงพยาบาลของมารดา เพราะเธอกำลังอาบน้ำ

และเช็ดตัวให้แม่ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียงอยู่นั้น เธอรู้สึกตัวเย็นวูบขึ้นมากระทันหัน

จากปลายเท้า ปลายนิ้ว แล่นขึ้นสู่ร่างกาย!!!!

"สัญญาณอันตรายของชีพจรชีวิตที่กำลังแปรปรวน!!! "

นิมนิม คิดด้วยความรู้ในสังขารของตนเอง เธอมีเวลาไม่ถึง 10 นาทีเท่านั้น

สำหรับการช่วยเหลือตนเองให้ปลอดภัยมากที่สุด จากการช๊อค! หมดสติ!

และอาจล้มลงกระทันหันจนศีรษะฟาดพื้น!!

" ลูกครับ น้องณิวครับ รีบออกไปเรียกพี่พรและพี่ภา

มาอาบน้ำให้คุณยายต่อไวๆ เลยครับ!! แม่..จะช๊อค!! "

นิมนิม รีบหันไปบอกลูกชายคนเล็ก ผู้ซึ่งนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์

เรียนออนไลน์ในห้องนอนของคุณยาย เพื่อคอยอยู่เป็นเพื่อนแม่ในการ

เฝ้าดูแลคุณยายซึ่งป่วยหนักให้รู้สึกถึงความอบอุ่นจากลูกหลานภายในบ้าน

ณิว เด็กชายรูปร่างผอมสูงอายุ 16 ปี ซึ่งเป็นบุตรชายคนเล็กที่สุดของนิมนิม

รีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปบอกญาติให้เข้ามาช่วยทันที นิมนิม พยายามตั้งสติ

ไว้ที่บริเวณลิ้นปี่ แล้วค่อย ๆ เดินกำหนดสติ มือแตะข้างฝาผนังห้อง

เพื่อไปให้ถึงที่นอนแบบปูบนพื้น ซึ่งถูกปูเอาไว้ถัดจากด้านปลายเตียงพยาบาล

ของผู้เป็นมารดาของเธอ เมื่อถึงที่นอนเธอค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่งเหยียดขา

ในท่าหลังพิงฝา เธอใช้มือเอื้อมไปหยิบขวดยาดมสมุนไพรทรงกลมมาเปิดฝา

สูดดมพร้อม ๆ กับหลับตาลง ทำสมาธิเพื่อหายใจเข้า... ออก... อย่างช้า ๆ

ตามที่เคยฝึกฝนอยู่ทุกวัน มาตลอดตั้งแต่เธออายุได้ 16 ปี

" ทุกคน ควรฝึกและเตรียมความพร้อม

สำหรับ การเตรียมตัวตาย

ก่อนตายจริง เอาไว้ให้ชำนิชำนาญ

เพราะสุดท้ายของลมหายใจ แล้วนั้น

เราจะเหลือเพียงตัวของเราเอง และ สติ

เท่านั้นที่เป็นเพื่อนตายที่แท้จริง!! "

เมื่อน้องสาวบุญธรรมและแฟนสาวของเธอ (พวกเขาเป็นคู่รัก LGBT )

เข้ามาดูแลคุณแม่แทนนิมนิมแล้ว นิมนิม ขอให้ณิวหยิบถุงยาประจำตัว

ซึ่งได้รับมาจากโรงพยาบาล มาให้แก่เธอ ๆ ค้นหายาที่ต้องรับประทานในยามฉุกเฉิน

เมื่อลูกชายคนเล็กตักน้ำดื่มมายื่นให้ นิมนิมจึงทานยา แล้วหลับตาสูดดมยาดม

สมุนไพรต่อไป พร้อม ๆ กับการทำภาวนาในท่านั่งพิงฝาผนังโดยตรึกถึง

"พระพุทธเจ้า เป็นที่พึ่งที่ระลึกสูงสุด" ทุกลมหายใจ.....เข้า...... ออก......."

ธรรมะคำสอนสำคัญ ของ พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม

ดังแว่วอยู่ในจิตใจของนิมนิม เธอผู้อุทิศชีวิตเพื่อพระพุทธเจ้าและพระพุทธศาสนา

อย่างแท้จริง! หลังจากที่เธอได้รับอิสระภาพจากการขอหย่าร้างแยกทาง

แยกการใช้ชีวิตกับอดีตสามีหรือคุณพ่อ ผู้ให้กำเนิดลูกชายที่แสนน่ารักทั้งสามคน

ของเธอ นั่นเอง นิมนิม พยายามทำทุก ๆ วันของชีวิตที่เหลืออยู่ตามคำสอน

ของหลวงพ่อฯ ผู้เป็นพระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนากรรมฐานธุระของเธอในชาตินี้

เธอ อธิษฐานทุกวันเรื่อยมา ว่า : ขอให้เธอได้ทำหน้าที่ลูกกตัญญูต่อบุพพการี

อย่างดีที่สุด!!! ซึ่งในช่วง 9 ปีที่เธอตัดสินใจลาออกจากงาน

แล้วกลับมาอยู่บ้านตามที่มารดาและน้องชายได้ขอให้เธอตัดสินใจ

ลาออกจากงานฝ่ายบริหารฯ ที่กรุงเทพฯเมื่อช่วงปลายปีพุทธศักราช 2554

แล้วย้ายกลับขอนแก่นมาอยู่ที่บ้านของน้องชาย เพื่อเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนลูก ๆ

ตั้งแต่นั้นมาจนวันนี้ นิมนิมจึงได้ทำหน้าที่ในฐานะลูกที่ดีคนหนึ่ง

ต่อบิดามารดา ผู้เจ็บป่วย มีโรคประจำตัว พิการ และช่วยตนเองไม่ได้

ในขณะที่นิมนิม กำลังหลับตาภาวนาจิตด้วยการดูลมหายใจของตนเอง

โดยเธออยู่ในท่านั่งพิงผนังห้อง ขาเหยียดยาวไปบนที่นอน

ที่ซึ่งปูแบบเรียบง่ายบนพื้นปูน เยื้องมาจากปลายเตียงพยาบาล

ของผู้เป็นมารดา พลัน!!!!! จิตของเธอมองเห็นแสงสว่างสีขาวเหลืองทองอร่าม!!!!!!!!!

แผ่กระจายจากบนหลังคาบ้าน ทะลุลงมาอยู่เหนือลำตัวของเธอขึ้นไปจากพื้น

ประมาณ 4 ช่วงแขน

ณ ใจกลาง ของแสงรัศมีที่งดงามเกินกว่าจะอธิบายให้ผู้ใดเข้าใจได้นี้

นิมนิม มองเห็นใบหน้าของ พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ฯ เพียงครึ่งกาย

คือเห็นเพียงใบหน้าลงมาจนถึงช่วงไหล่ของหลวงพ่อฯ ท่านจ้องมอง

มาที่นิมนิมผู็เป็นศิษย์ ด้วยจิตอันมีพลังบุญเจิดจ้าสุดประมาณ

" อดทน และทำให้เต็มความสามารถนะหนู มีเวลาอีกไม่มากแล้ว

สิ่งใดมที่ตั้งใจ ขอจงอย่าย่อท้อ เมื่อเวลาผ่านพ้นไป

ไม่อาจหวนย้อนคืนมาได้ใหม่ จะได้ไม่ต้องมาเสียอกเสียใจในภายหลัง

ทุกคน มีกรรมของตนเอง หนูจงทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด

คือสุดกำลังกาย สุดกำลังใจ แต่ก็ต้องปล่อยวาง ไปพร้อม ๆ กัน ให้ได้ด้วยนะ "

หลวงพ่อจรัญฯ ยิ้มน้อย ๆ ตามแบบของพระภิกษุผู้มีจริยาวัตร

ปฏิบัติอันสำรวมอยู่เสมอ ก่อนที่ภาพและแสงรัศมีทั้งหมด

จะค่อย ๆ เลือนหาย... วับ! ไปในจิต

นิมนิม กำหนดสติ ตั้งอกตั้งใจรับฟังทุกถ้อยคำ

ของหลวงพ่อจรัญฯ น้ำตาแห่งความเศร้าใจและปิติใจ

ผสมปนกันในอก หลั่งไหลออกมา หยาดลงทั้งสองข้างของหางตา

ที่หลับพริ้มอยู่นั้น เธอค่อย ๆ ยกมือขึ้นพนมมือ แล้วยกขึ้นเหนือศีรษะ

ของตนเอง 3 ครั้ง เพื่อแสดงความเคารพนอบน้อมนมัสการ

ต่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญฯ หนึ่งในพระอริยะสงฆ์

ผู้สมควรแก่การเคารพกราบไหว้ ในจำนวนพระภิกษุสงฆ์

เพียงไม่กี่รูป ในประเทศไทย ยุคพุทธศักราช 2563 นี้